นอกจากการออกแบบรถให้ดูทันสมัย หรือล้ำสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ อีกสิ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือการสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ แต่ใช้งานดีไซน์ของรถยนต์ยุคเก่าเป็นแรงบันดาลใจ ยกตัวอย่างเช่นรถจีทีคาร์คันใหม่ จากแบรนด์อังกฤษ Aston Martin Valour คันนี้

Aston Martin Valour ถูกเปิดตัวออกมา พร้อมการฉลองวาระพิเศษ นั่นคือ การครบรอบ 110 ปี การก่อตั้งแบรนด์ Aston Martin ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ หากทางค่ายจะเปิดเผยในทันทีว่ามันคือตัวรถจะที่ถูกผลิตด้วยจำกัดเพียง 110 คันเท่านั้น บนโลกไปนี้ และจะมีการส่งมอบคันแรกอีกทีในปี 2024

และเพื่อเป็นการฉลองวาระการก่อตั้งแบรนด์มากกว่าหนึ่งศตวรรษ ดังนั้นงานออกแบบของเจ้า Valour คันนี้ จึงถูกสร้างขึ้นโดยอ้างอิงจากตัวแข่งเลอมังสต์ในตำนานของแบรนด์ “RHAM/1 Muncher” ซึ่งที่จริงแล้ว ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยพื้นฐานของ Aston Martin Vantage รุ่นแรก

ดังนั้นหน้าตาของ Valour จึงมาพร้อมกับเส้นสายที่เหลี่ยมสัน ดุดัน ราวกับเป็นรถอเมริกันมัสเซิลคาร์ ที่โดดเด่นกว่า คือมีการเพิ่มส่วนเว้าส่วนโค้งต่างๆเข้าไป เพื่อทำเป็นช่องดักอากาศ ที่ช่วยให้รถดูมีมิติ น่ามองยิ่งขึ้น และที่ขาดไม่ได้คือกระจังหน้ารูปสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ กับไฟหน้าแบบกรอบกลม อิงตามรถที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับมัน

หากเท่านั้นยังดิบแบบคลาสสิคไม่พอ ทาง Aston Martin ยังออกแบบฝากระโปรงหน้า ให้มาพร้อมกับช่องระบายอากาศแบบเกือกม้าขนาดใหญ่ และมีช่องดูดอากาศแบบ NACA Duct ไว้อีกสองช่อง, แก้มซุ้มล้อด้านหน้าเองก็มีช่องระบายลมขนาดใหญ่, ที่กระจกบานหลังก็มีครีบรีดอากาศครอบเอาไว้

และด้านท้ายรถเองก็มีการออกแบบให้ถูกตีแนวเหมือนรถมีสปอยเลอร์ตูดเป็ดขนาดใหญ่ ไฟท้ายแบบแนวนอน ติดตั้งอยู่ในแถบยาวคล้ายช่องระบายอากาศ และยังมีดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ ที่ยกแนวสูงขึ้นมา จนเห็นลักษณะการเดินปลายท่อไอเสียแบบ 3 รู ออกตรงกลางอีกด้วย

ซึ่งชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทภายนอกรอบคันทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นงานคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งสิ้น !

ส่วนภายในห้องโดยสาร เนื่องจากตัวรถรุ่นนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยโครงสร้างของ Aston Martin Vantage รุ่นปัจจุบัน ดังนั้นบรรยากาศการตกแต่งในส่วนนีี้ จึงแทบไม่หนีตากร่างต้นเท่าไหร่นัก เว้นเพียงการปรับเปลี่ยนในเรื่องของช่องแอร์, และปุ่มสวิทช์ต่างๆเล็กๆน้อยๆ ที่ถูกปรับให้เป็นแบบเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น

ส่วนคอนโซลกลาง หากคุณมองเพียงครู่เดียว ก็จะพบบกันคันเกียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่คุ้นตาเท่าไหร่นัก สำหรับรถยนต์ในยุคปัจจุบัน และใช่ครับ นั่นคือคันเกียร์สำหรับระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ถูกเลือกให้เป็นระบบส่งกำลังหลักเพียงแบบเดียวของเจ้ารถคันนี้

และเพื่อความดิบขึ้นไปอีกขั้น งานครอบคอนโซลกลาง กับแผงข้างประตูของตัวรถ ก็เป็นงานคาร์บอน ที่เผยให้เห็นเนื้องานด้านแบบชัดๆ แม้กระทั่งตัวเบาะก็ยังเป็นแบบโครงคาร์บอน โดยที่วิธีการปรับตำแหน่งเบาะ หรือการเปิดประตู ก็จะต้องใช้วิธีดึงสายกระตุก แบบรถแข่งแทน

ด้านขุมกำลังที่จะทำงานร่วมกับชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ก็คือเครื่องยนต์ V12 ขนาด 5.2 ลิตร พ่วงเทอร์โบคู่ ที่สามารถช่วยเค้นกำลังได้สูงสุดแตะหลัก 715 PS และเค้นแรงบิดสูงสุดได้อีก เป็น 753 นิวตันเมตร ซึ่งนั่นถือว่าแรงกว่าเครื่องยนต์ของร่างต้น V12 Vantage เล็กน้อย (ร่างต้นที่ใช้เครื่องยนต์ลูกนี้ ถูกปรับจูนกำลังไว้ 700 PS)

และด้วยความดิบของชุดเกียร์ ทำให้รถคันนี้มาพร้อมกับชุดระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งทำงานโดยมีชุดเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป คอยคุมการเฉลี่ยแรงบิดไปยังล้อทั้งสองฝั่งด้วย และนั่นก็ส่งผลให้มันสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 3.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง

และเนื่องจากการปรับเปลี่ยนในเรื่องของระบบส่งกำลัง และการปรับบจูนเครื่องยนต์ รวมถึงตัวตนของรถที่เปลี่ยนไปทาง Aston Martin จึงไม่ลืมที่จะเซ็ทอัพโหมดการขับขี่ต่างๆของตัวรถใหม่ โดยเฉพาะโหมด Sport, Sport+, และ Track ให้สามารถสร้างอัตราการตอบสนองต่อผู้ขับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การปรับปรุงระบบช่วงล่าง ทั้งตัวโช้กไฟฟ้า, เหล็กกันโคลง และอื่นๆยิบย่อยอีกมากมาย ก็ถูกปรับเซ็ทใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ตัวรถมีความดิบขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรับรองได้ว่าต้องถูกใจสาวก Aston Martin สายบู๊แน่นอน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่