หลังมีภาพหลุดออกมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ล่าสุด 2023 Toyota Innova Zenix ก็ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยราคาเริ่มต้น 965,000 บาท

2023 Toyota Innova Zenix มาพร้อมกับการออกแบบหน้าตาที่ดูบึกบึนขึ้นมากเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Innova Crysta ตั้งแต่ไฟหน้าใหม่ ที่มาพร้อมกับกรอบหน้าตาเหลี่ยมสันมากกว่าเดิม กระจังหน้าแบบ 6 เหลี่ยม คล้ายเดิม แต่ปรับขนาดกรอบให้เล็กลงไม่กินพื้นที่ลงไปถึงส่วนกึ่งกลางของกันชนหน้า เนื่องจากมีการใช้แถบรูระบายความร้อนมาคั่นเอาไว้ พร้อมเพิ่มความโดดเด่นอีกเล็กน้อยด้วยแถบไฟ LED และดวงไฟตัดหมอกที่อยู่เหนือแผ่นกันกระแทกเท่านั้น

ขณะเดียวกัน เส้นสายตัวรถทางด้านข้าง ก็ดูแข็งแกร่งกว่าเดิม ทั้งการตกแต่งขอบซุ้มล้อด้วยชิ้นงานพลาสติกสีดำด้าน ตามสมัยนิยม แก้มข้างก็มีการทำสัดส่วนให้ดูโป่งออกมา ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แม้แต่บานประตูคู่หลังเอง ก็ยังถูกอัดพิมพ์ให้มีมิติความนูนที่ชัดเจนกว่าเดิมด้วยเช่นกัน

ส่วนงานออกแบบคอนโซลต่างๆ เรียกได้ว่าถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดเช่นกัน ทั้งเส้นสายชิ้นส่วนยกแผง, ช่องแอร์, พวงมาลัย, แม้กระทั่งตำแหน่งคันเกียร์ ยังเยื้องขึ้นไปด้านบน เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาของผู้โดยสารด้านหน้า และหากสังเกตไปที่ชุดจอมาตรวัดที่ให้มา เราก็จะเห็นได้ว่าหากเป็นตัวรถรุ่นที่มาพร้อมกับขุมกำลังไฮบริดแล้ว มันก็จะได้ใช้ชุดหน้าจอแบบฟูลดิจิตอลที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งดูทันสมัยยิ่งขึ้น

และเพื่อความโปร่งสบายภายในห้องโดยสาร นอกจากการขยายพื้นที่ว่างระหว่างเบาะนั่งทั้ง 3 แถวแล้ว ตัวรถยังมาพร้อมกับออพชันหลังคาแก้วแบบ Panoramic Roof ที่กินพื้นที่ยาวตั้งแต่แนวเบาะนั่งตอนหน้า ไปจนถึงเบาะเหนือศรีษะผู้โดยสารบนเบาะแถว 2 โดยที่ตำแหน่งช่องแอร์ถูกย้ายไปไว้ทางด้านข้างแทน เพื่อการกระจายลมที่ดีกว่า แถมยังมีระบบไฟ Ilumination Light ใส่มาเป็นกรอบช่องกระจกด้านบนอีกด้วย เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในยามค่ำคืน

ทั้งนี้ หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตัวรถ Innova Zenix มีห้องโดยสารที่กว้างกว่าเดิมมาก ก็คือการที่มันได้เปลี่ยนมาสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA-C ที่ทางค่ายใช้กับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ทั้ง Corolla Altis / Corolla Cross / C-HR / หรือ Prius

และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้จึงทำให้เราสามารถคาดหวังในเรื่องความสะดวกสบายในการโดยสาร ไม่ใช่แค่ความกว้างตัวถัง แต่ยังรวมถึงความสามารถในการซับแรงสั่นสะเทือน การควบคุม และการทรงตัวของตัวรถที่ดีขึ้นได้อีกมากเลยทีเดียว

โดยหากคุณยังนึกภาพไม่ออก ตัวรถ Innova รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมกับขนาดตัวถัง ด้านยาว 4,755 มิลลิเมตร / ด้านกว้าง 1,850 มิลลิเมตร / และด้านสูง 1,795 มิลลิเมตร ซึ่งหากมองโดยผิวเผินแล้ว มันก็มีขนาดตัวถังด้านยาว กับด้านกว้างที่มากกว่าเดิมเพียง 20 มิลลิเมตร และความสูงเท่าเดิมเป๊ะ ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้แตกต่างมากเท่าไหร่นัก

แต่ในส่วนตัวเลขระยะฐานล้อ ปรากฏว่าด้วยตัวเลขความยาวฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร ของตัวรถรุ่นใหม่ จึงทำให้มันมีตัวเลขในส่วนนี้ที่ยาวกว่ารุ่นพี่ถึง 100 มิลลิเมตร เลยทีเดียว นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่พื้นที่ภายในห้องโดยสารจะกว้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระยะห่างของเบาะนั่งโดยสารทั้งจากแถวหนึ่งมาแถวสอง และแถวสองมาแถวสาม

ด้านขุมกำลังเครื่องยนต์ ก็ถือเป็นอีกจุดที่มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะในคราวนี้ มันได้ถอดเอาเครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV ความจุ 2,756 ซีซี พ่วงเทอร์โบแปรผัน VN-Turbo ให้กำลังสูงสุด 172 แรงม้า PS ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 1,200 – 3,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Manual Mode ขับเคลื่อนด้วยชุดล้อคู่หลัง ในรุ่นบนๆทิ้งไป

แล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส M20A-FXS ความจุ 1,987 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 152 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 187 นิวตันเมตร ที่ 4,400 – 5,200 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 113 แรงม้า PS และมีแรงบิดสูงสุด 206 นิวตันเมตร เข้ามาแทน

โดยเมื่อทั้งสองขุมกำลังทำงานร่วมกันผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อม Manual Mode แล้ว มันก็จะสามารถให้พละกำลังสูงสุดรวมกันได้ 186 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าแรงกว่าเดิมถึง 14 แรงม้า PS ขณะที่ระบบขับเคลื่อนก็ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยชุดล้อคู่หน้าแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ส่วนขุมกำลังของตัวรถรุ่นรอง ก็จะเป็นขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซินเพียงอย่างเดียว รหัส M20A-FKS ความจุ 1,987 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า PS ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ที่ 4,400 – 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม Manual Mode และแน่นอนว่าระบบขับเคลื่อนก็ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยชุดล้อคู่หน้าเช่นกัน

ฝั่งระบบช่วงล่างของตัวรถ Innova รุ่นใหม่ ทางด้านหน้า จะยังคงใช้ระบบช่วงล่างอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท แต่ในส่วนช่วงล่างด้านหลัง ที่ไม่มีเพลาขับมาทำงานร่วมด้วยแต่อย่างใด ก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบทอร์ชันบีม โดยที่ระบบเบรกได้เปลี่ยนเป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ มาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้าในทุกรุ่นย่อย

และสุดท้ายคือชุดล้อที่จะมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16 ไปจนถึง 18 นิ้ว และใช้ยางหน้ากว้างตั้งแต่ 205 ไปจนถึง 225 แล้วแต่รุ่นย่อย

ด้านระบบความปลอดภัยของตัวรถที่ให้มา ก็จัดได้ว่าค่อนข้างครบครัน เพราะมีทั้งระบบถังลมนิรภัย 6 จุด, ระบบเซนเซอร์ช่วยจอด, ระบบ VSC+HSA, ระบบกล้องมองหลัง, ระบบกล้องมองรอบคัน, ระบบตรวจจับผู้นั่งตอนหลัง, ระบบ DVR, ระบบตรวจจับพาหนะในมุมอับ (Blind Spot), และที่โดดเด่นที่สุดคือระบบ Toyota Safety Sense ที่อยู่ในเวอร์ชัน 3.0 สุดครบครันแบบ Toyota Yaris Ativ

ทั้งนี้ตัวรถ 2023 Toyota Innova Zenix ได้เปิดราคาเริ่มต้นสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียเอาไว้ที่ 419,000,000 รูเปียห์ หรือราวๆ 965,000 บาท และแพงสุดอยู่ที่ 611,000,000 รูเปียห์ หรือราวๆ 1.4 ล้านบาท ส่วนกำหนดการเปิดตัว และราคาสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามกันต่อไปในอีกไม่กี่อึดใจนับจากนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่