จากความร้อนแรงของ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ฉุดแทบไม่อยู่ ทำให้หลายแบรนด์ต้องปรับแผนการทำตลาดรถกระบะสมรรถนะสูงกันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งแบรนด์เจ้าตลาดกับ 2023 Toyota HiLux GR Sport ที่พึ่งถูกเปิดตัวออกมาคันนี้

2023 Toyota HiLux GR Sport ที่ทุกท่านกำลังเห็นกันอยู่ในขณะนี้ ยังไม่ใช่รถที่วางจำหน่ายในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน แต่เป็นตัวส่งออกไปประเดิมตลาดในประเทศออสเตรเลีย ที่ลูกค้าของ Toyota ในประเทศดังกล่าวเอง ต่างก็ถวิลหาให้ทางค่ายสร้างรถกระบะสมรรถนะสูง มาสู้กับ Ford Ranger Raptor รุ่นใหม่เช่นกัน

และจากเสียงเรียกร้องเหล่านั้น ทำให้เจ้ากระบะยอดนิยมของ Toyota คันนี้ ได้ถูกพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกในทุกๆด้านโดยเริ่มจาก งานตกแต่งภายนอก ที่แม้ตัวรถจะยังคงมาพร้อมกับตัวถังเดิม แต่มันก็ได้รับการติดตั้งชุดกันชนหน้าใหม่ และกระจังหน้าใหม่ ที่ช่วยทำให้รถดูดุดัน ขึงขังขึ้นมาก เช่นเดียวกับการติดตั้งการ์ดแครงทางด้านล่าง และหูลากคู่หน้า-หลัง พร้อมกับคำโปรยที่บอกว่า เป็นงานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ตัวแข่ง Dakar Rally ของแบรนด์

ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยการขยายฐานล้อให้กว้างขึ้น ทั้งด้านหน้าอีก 140 มิลลิเมตร และด้านหลังอีก 155 มิลลิเมตร (เมื่อเทียบกับ Hilux Revo รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวปกติ) จึงทำให้ทาง Toyota ต้องติดตั้งชุดคิ้วซุ้มล้อเสริมให้กับมัน ซึ่งไม่ได้มีประโยชน์แค่ในเรื่องการกันดีดเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความบึกบึนให้กับตัวรถได้อีกมาก

การปรับปรุงในส่วนช่วงล่างยังไม่หมดแค่นั้น เพราะมันยังได้รับการปรับแต่งในเรื่องของ ปีกนกคู่หน้าแบบใหม่ ที่ทนทานยิ่งขึ้น, เพิ่มความแข็งของสปริงโช้กด้านหน้า, เพลาหลังเสริมความแข็งแรง, และติดตั้งโช้กแบบ Monotube ไว้ทางด้านหลัง (เหมือน REVO GR Sport ในไทย) เพื่อเพิ่มความสามารถในการซับแรงกระแทก และลดปัญหาการสะสมความร้อนขณะใช้งาน

ขณะที่ระบบเบรก ทางด้านหลังได้ถูกเปลี่ยนเป็นแบบจานเบรกพร้อมครีบระบายอากาศทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบลอยตัว 1 พอท แล้วเรียบร้อย โดยที่ตัวเบรกหน้าแม้จะยังคงเป็นจานเบรกมีครีบระบายอากาศ ไม่ได้มีการเซาะร่องเพิ่มเติม แต่ก็ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบตายตัว 4 พอท

ในส่วนของชุดล้อ แม้จะเป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว (ไม่ใช่ 18 นิ้ว เหมือน REVO GR Sport ในไทยตอนนี้) แต่ด้วยการรัดกับยาง A/T แก้มสูง Bridgestone Dueler และการปรับปรุงระบบกันสะเทือนใหม่ ซึ่งทำให้รถสูงขึ้น มันจึงมีความสูงใต้ท้องรถที่ 265 มิลลิเมตร และมีมุมพบ กับมุมจาก ที่ 30 และ 26 องศาตามลำดับ

ซึ่งทาง Toyota ระบุว่าการเซ็ทอัพช่วงล่างทั้งหมดที่ว่ามานี้ จะไม่ได้ลดทอนความสามารถในการใช้งานในชีวิตประจำวันของตัวรถแต่อย่างใด และในขณะเดียวกันก็ทำให้ลูกค้าสามารถพามันไปบุกตะลุยอุปสรรคต่างๆบนทางกรวดได้อย่างสนุกสนานยิ่งขึ้นอีกด้วย

แน่นอนอีกสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ ก็คือเรื่องของขุมกำลัง ซึ่งเรียนตามตรงว่าก็ยังน่าเสียดายอยู่เล็กน้อย ที่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ ความจุ 2.8 ลิตร ลูกเดิมกับ Hilux Revo รุ่นปกติ

เพียงแต่ในคราวนี้ทางค่ายได้มีการปรับแต่งเทอร์โบใหม่ และปรับจูนการจ่ายน้ำมันใหม่ เพื่อให้มันมีเรี่ยวแรงที่มากขึ้นอีก 10% เป็น 224 แรงม้า PS ที่ 3,000 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 550 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที ซึ่งอันที่จริงก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะได้เบ่งแข่งกับ Ranger Raptor รุ่นล่าสุดอยู่ดี

นอกนั้นในส่วนระบบส่งกำลังที่เป็นชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เอง ก็ถูกปรับแต่งใหม่อีกเล็กน้อย เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลง มีความฉับไวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในโหมดขับขี่แบบอัตโนมัติ หรือตอนใช้แพดเดิ้ลชิฟท์ปรับเองบนพวงมาลัยก็ตาม

ด้านงานตกแต่งภายใน ดูเหมือนจะไม่ใช่จุดที่ทางค่ายเน้นหนักมากเท่าไหร่นัก เพราะหากเทียบกับตัวรถ HiLux รุ่นปกติแล้ว มันก็จะมีความพิเศษจากเดิม เพียงแค่ในส่วนของอินเตอร์เฟซหน้าจอกลางแบบ GR, พวงมาลัยมีแถบเซนเตอร์สีแดง และก้านด้านล่างแปะโลโก้ GR, หัวเบาะปักลายนูน GR

โดยที่ตัววัสดุหุ้ม เป็นการผสมผสานระหว่างผ้า และหนังสังเคราะห์, คันเร่งเป็นงานอลูมิเนียมแบบสปอร์ต, นอกนั้นในส่วนงานตกแต่งห้องโดยสารอื่นๆจะเน้นโทนสีดำทั้งหมด ไม่ได้มีการเดินด้ายสีแดงแต่อย่างใด เว้นเพียงเข็มขัดนิรภัยก็เท่านั้น

ทั้งนี้ ทางผู้บริหารของ Toyota ออสเตรเลีย ระบุว่า ตัวรถ 2023 Toyota HiLux GR Sport ที่ถูกเปิดตัวนี้ เป็นรถที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย และมีเพียงไม่กี่ชิ้นส่วนเท่านั้น ที่ถูกนำมาผลิตและประกอบในภายหลังที่ประเทศออสเตรเลีย

นอกจากนี้มันยังเป็นรถที่ทางค่ายได้พัฒนาขึ้นมา โดยเหล่าวิศวกรจาก 4 ประเทศ (ทวีป) กลุ่มเป้าหมายหลักด้วยกัน ได้แก่ วิศวกรของ Toyota ประเทศออสเตรเลียเอง, วิศวกรของ Toyota บริษัทแม่ ในประเทศญี่ปุ่น, วิศวกรของ Toyota ลาติน อเมริกา (ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทวีปเป้าหมายของรถกระบะรุ่นนี้), และสุดท้ายคือ วิศวกรของ Toyota ประเทศไทย ที่เป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์รุ่นนี้

ดังนั้น เมื่อประกอบกับการที่ตัวรถได้ถูกนำมาวิ่งทดสอบในประเทศไทยแล้วพักหนึ่งเมื่อปีก่อน จึงแทบไม่ต้องถามกันต่อเลยว่ามันมีโอกาสจะถูกนำมาเปิดตัวในบ้านเรามากน้อยแค่ไหน แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้น ยังต้องรอติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิดนับจากนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่