หลังจากที่ได้ทำการเปลี่ยนทิศทางการตลาดครั้งใหญ่กับ 2023 Mercedes-AMG C43 ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แถมเครื่องยนต์ยังถูกทอนจากแบบ V6 เป็น 4 สูบเรียง พ่วงเทอร์โบไฟฟ้า คราวนี้ก็ถึงเวลาของ 2023 Mercedes-AMG C63 S ที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่บ้างด้วยขุมกำลังแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด

2023 Mercedes-AMG C63 S มาพร้อมงานตกแต่งที่ทำให้มันดูโดดเด่นกว่ารุ่นน้องอย่าง Mercedes-AMG C43 ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยชุดกันชนหน้าที่ช่วงครึ่งล่างของมันได้ถูกออกแบบใหม่ ให้มีเส้นสายที่เกรี้ยวกราดกว่าเดิม ขณะที่กันชนท้าย ก็มีการปรับลายละเอียดใหม่อีกเล็กน้อย ด้วยปลายท่อออก 4 รู ที่ปรับกรอบจากแบบขอบกลม เป็นขอบเหลี่ยม พร้อมเพิ่มครีบของช่องรีดอากาศทางด้านหลังให้ยื่นออกมามากขึ้น

และที่ขาดไม่ได้คือการติดตั้งชุดสปอยเลอร์หลังแบบใหม่ที่ดูใหญ่และยาวจากท้ายรถออกมามากกว่าเดิม เช่นเดียวกับชุดล้อสีดำที่ทำให้รถดูดุดันขึ้นอีกมาก

ส่วนในเรื่องของงานตกแต่งภายใน กลับไม่ได้มีความแตกต่างไปจาก AMG C43 มากเท่าไหร่นัก เพราะมันยังคงเน้นงานตกแต่งโทนสีดำ-แดง ทริมด้วยชิ้นงานคาร์บอน สลับหนังกลับตามชิ้นส่วนต่างๆ แล้วตัดโทนอีกนิดด้วยชิ้นส่วนสีอลูมิเนียม หรือสีเงินเพื่อเพิ่มความหรูหรา แม้แต่จอมาตรวัด จอแสดงผลตรงกลาง และปุ่มกดต่างๆยังมีรายละเอียดเหมือนกันแทบทั้งหมด

แต่จุดเด่นที่แท้จริงของเจ้า C63 S ก็คือเรื่องขุมกำลังของมัน ที่หันไปใช้บล็อก M139 แบบเบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จไฟฟ้า ลูกเดียวกันกับที่เราคุ้นเคยกันใน C43 รุ่นน้องของมัน และฝาแฝดร่างคูเป้อย่าง SL43 Roadster

ทว่าด้วยรหัส “63” ที่บ่งบอกกลายๆว่ามันต้องแรงกว่ารถรหัส “43” ทำให้มันได้รับการอัพเกรดเทอร์โบไฟฟ้าใหม่ ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม จนทำให้เครื่องยนต์สมารถปั่นพลังแรงม้าได้มากถึง 476 PS กับแรงบิดสูงสุดอีก 545 นิวตันเมตร ซึ่งทั้งสองตัวเลขนั้นแรงกว่าเครื่องยนต์ V8 ใน C63 รุ่นก่อนเสียอีก และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เครื่องยนต์ M139 ลูกนี้ กลายเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ที่แรงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันอีกด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ เพราะอย่างที่เราได้บอกไปในข้างต้นแล้วว่า เจ้า C63 S รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ใช้ขุมกำลังแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด จึงทำให้มันยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าอีกหนึ่งลูก มาคอยเสริมกำลังขับที่ชุดล้อคู่หลังให้อีก ด้วยกำลังสูงสุด 204 PS ทำให้กำลังสูงสุดสิทธิที่ขุมกำลังของเจ้ารถรุ่นนี้สามารถทำได้จริงๆ จะขยับตัวเลขขึ้นไปสูงถึง 680 PS พร้อมแรงบิดสูงสุดอีก 1,020 นิวตันเมตร เลยทีเดียว

แน่นอน ด้วยความเป็นรถยนต์ขุมกำลังปลั๊กอิน-ไฮบริด จึงทำให้มันมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 6.1 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งด้วย EV Mode สูงสุดที่ 13 กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วสูงสุดในโหมดนี้ได้ 125 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในโหมดนี้

ทั้งนี้ แม้ความสามารถในการเค้นแรงม้าสูงสุดกว่า 204 PS ของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ปั่นชุดล้อคู่หลัง จะสามารถทำได้เพียงระยะสั้นๆ ไม่เกิน 10 วินาที ต่อการกดคันเร่งแช่หนึ่งครั้ง (ขึ้นอยู่กับปริมาณไฟในแบตเตอรี่ด้วย) แต่ในการใช้งานสภาวะปกติ มันก็จะช่วยผ่อนแรงเครื่องยนต์ ด้วยแรงม้า 95 PS และทำให้รถมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยดีสุดที่ 17.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดมาก เมื่อเทียบกับพละกำลังที่ให้มา และน้ำหนักตัวที่แตะหลัก 1,680 กิโลกรัม

ส่วนอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็จัดว่าเร็วเอาเรื่องด้วยตัวเลข 3.4 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วกว่า C63 รุ่นก่อนที่ใช้เครื่อง V8 ถึง 0.6 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดตอนออกโรงงาน จะถูกล็อคเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือหากลูกค้ามองว่าแค่นั้นยังไม่พอ จะขอปลดที่ดีลเลอร์เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดเป็น 280 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในภายหลังก็ได้

ในฝั่งระบบขับเคลื่อน ก็อย่างที่เราได้ระบุในข้างต้นแล้วว่า มันจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4Matic+ ทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ซึ่งตัวตัดต่อกำลังก็ไม่ใช่ระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ แต่เป็นระบบคลัทช์เปียกสั่งการด้วยระบบไฟฟ้าแทน เพื่อความฉับไว

ไม่เพียงแค่นั้น ทาง AMG ยังใส่ลูกเล่นเข้ามาอีกมากมายเพื่อให้ตัวรถมีความพิเศษมากขึ้น ทั้ง จานเบรกคาร์บอนเซรามิค, ระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปไฟฟ้า, ระบบปรับความหนืดโช้กกึ่งอัตโนมัติ, ระบบเลี้ยว 4 ล้อ, และมีโหมดการขับขี่ “Master Mode” ที่ช่วยให้รถสามารถแสดงอาการ “ท้ายออก” ได้ง่ายมากขึ้น ถูกใจสายสไลด์ตูดกันดีเชียว

และนอกจากตัวรถรุ่นซีดาน ในความเป็นจริงแล้ว เจ้า C63 S รุ่นใหม่ ก็ยังมีโฉมตัวถังวากอนมาให้ลูกค้าสายพ่อบ้านซิ่งได้เลือกซื้อกันด้วย ซึ่งหากมองในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานและลูกเล่นต่างๆมันก็แทบไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่นัก

นอกไปเสียจากด้วยตัวถังที่ใหญ่ขึ้น และน้ำหนักที่มากขึ้นกว่าตัวซีดานอีก 34 กิโลกรัม จึงทำให้ความเร็วสูงสุดของมันที่ลูกค้าสามารถปลดล็อคได้ จะขยับขึ้นได้เพียง 270 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่านั้น แต่โชคยังดีที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงของมัน ยังคงมีตัวเลขเท่าเดิมคือ 3.4 วินาที

ทั้งนี้ ทางค่ายยังไม่ได้มีการเปิดเผยว่าพวกเขาจะวางจำหน่ายตัวรถ 2023 Mercedes-AMG C63 S เท่าไหร่กันแน่ในตอนนี้ ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปอย่างช้าที่สุดคือในช่วงปลายปีนี้ สำหรับการวางจำหน่ายในทวีปยุโรปและอเมริกา ส่วนประเทศไทย อาจจะต้องรอกันจนถึงกลางปีหน้ากันเลยทีเดียว

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่