นับตั้งแต่ Lamborghini Urus ได้ถูกเผยโฉมออกมา มันก็ได้กระแสตอบรับจากลูกค้าทั่วโลกอย่างดีเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง และยอดขายของมันก็กำลังจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกขั้น หลังการเปิดตัวเวอร์ชัน S และ Performante ออกมาสำหรับทำขายต่อไปในปี 2023

2023 Lamborghini Urus S และ Urus Performante ต่างก็มาพร้อมขุมกำลังลูกใหม่ ที่ถูกต่อยอดมาจากขุมกำลังดั้งเดิมของ Urus ตัวธรรมดาที่ถูกวางขายมาตั้งแต่ปี 2018 นั่นคือบล็อค V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ถูกปรับจูนใหม่ จนสามารถเค้นแรงม้าได้มากขึ้น จาก 650 PS เป็น 666 PS ที่รอบเครื่องยนต์เท่าเดิมคือ 6,000 รอบ/นาที ขณะที่แรงบิดสูงสุดยังคงเท่าเดิม คือ 850 นิวตันเมตร ที่ 2,250-4,000 รอบ/นาที และเรดไลน์ หรือรอบเครื่องยนต์สูงสุดก็ยังคงเท่าเดิมเช่นกัน คือ 6,800 รอบ/นาที

แน่นอน ด้วยตัวเลขพละกำลังที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ Urus S สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ดีขึ้นกว่า Urus ตัวปกติอีกนิด จาก 3.6 วินาที เป็น 3.5 วินาที และอัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เอง ก็ดีขึ้นเช่นกัน จาก 12.8 วินาที เหลือ 12.5 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดยังคงล็อคไว้เท่าเดิมคือ 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ขณะที่ตัวรถรุ่นไล่เบาอย่าง Urus Performante ก็จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 3.3 วินาที และ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 11.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดกลับดีขึ้นอีกนิด เป็น 306 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ด้านความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถเห็นได้ด้วยสายตา ก็แน่นอนว่าก็ต้องเริ่มจากงานตกแต่งภายนอก อย่างชุดกันชนหน้าที่ถูกปรับงานดีไซน์ใหม่ ให้ดูมีความดุดันมากยิ่งขึ้น, ฝากระโปรงหน้าเอง ก็มีการเจาะช่องระบายความร้อนจากห้องเครื่อง

ตัวกันชนท้ายเอง ก็มีการปรับองศาช่องระบายอากาศทางด้านหลังใหม่ ให้รับกับแนวซุ้มล้อ และชุดล้อขนาด 21 นิ้วเอง ก็ถูกเปลี่ยนลวดลายใหม่ให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นเช่นกัน ส่วนงานตกแต่งภายในก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมมากเท่าไหร่นัก

ทั้งนี้ ในส่วนของตัว Performante ที่เป็นตัวไล่เบา แม้งานดีไซน์ชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทต่างๆจะคล้ายกันกับตัว S แต่วัสดุที่ใช้ในการขึ้นรูป จะถูกเปลี่ยนใหม่ จากงานอลูมิเนียม เป็นงานคาร์บอน ทั้งฝากระโปรงหน้า, กันชนหน้า-หลัง, หลังคา, และยังมีสปอยเลอร์หลังชิ้นใหญ่กว่าเดิมติดตั้งมาให้ โดยที่ชุดล้อเองก็เป็นลายใหม่ แถมยังมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 22 นิ้ว

ด้านงานตกแต่งภายใน ก็จะเน้นเพิ่มความดุดันให้มากขึ้นเช่นกัน เพราะจากเดิมที่จะใช้วัสดุหนังหุ้มปกติ เปลี่ยนเป็นหนังกลับอัลคันทาร่า และชิ้นงานคาร์บอนเงา ก็เปลี่ยนเป็นชิ้นงานคาร์บอนด้านแทน ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้น้ำหนักตัวรถเมื่อรวมของเหลวลดลงเหลือ 2,150 กิโลกรัม จาก 2,197 กิโลกรัม ในรุ่น S

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศบ้านเกิดอย่างอิตาลี หากเป็น Lamborghini Urus S ก็จะสนนตัวเลขที่ 195,538 ยูโร หรือราวๆ 7.2 ล้านบาท และหากขยับขึ้นไปที่ Lamborghini Urus Performante ก็จะสนนราคาคือ 218,487 ยูโร หรือราวๆ 8 ล้านบาท ขณะที่กำหนดการเปิดตัวในไทย ก็คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไม่เกินกลางปีหน้า

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่