ในเดือนทีผ่านมา ต้องยอมรับว่ารถยนต์อีโค่คาร์ กลายเป็นกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด ในเวลานี้ด้วยอาจจะถึงเวลาที่ต้องแต่งหน้าทาปาก เปิดออพชั่นใหม่ๆ ให้โดนใจลูกค้ามากขึ้น หลังจากผ่านช่วงวิกฤติ โควิด-19 มา ทำให้ ปีนี้ อีโค่คาร์ ปรับตัวโฉมเยอะที่สุด เป็นประวัติการณ์

ที่จริงแล้ว การปรับโฉมอีโค่คาร์ เราเห็นมาสักพักตั้งแต่ต้นปี ด้วยการนำเสนออะไรใหม่ๆเข้าสู่ตลาด งานนี้ Ridebuster เราอดไม่ได้ ที่จะจับรถกลุ่มนี้มาชนกัน ดูสิว่าการเปลี่ยนแปลงของใครเจ๋งจริง ?

Toyota Yaris

เริ่มในช่วงต้นปี Toyota Yaris เป็นรุ่นแรกที่เปิดตัวทำตลาด ด้วยหน้าตาใหม่ที่หันมาเอาใจใส่ความวัยรุ่นมากขึ้น แนะนำ หน้า Hammer Head เข้ามาในรุ่น 5 ประตู และมีการปรับฟังชั่นต่างๆ ให้ลงตัวในการใช้งานมากขึ้น แต่หลักๆก็จะเป็นการแต่ง Cosmetic หรือ เสริมหล่อ เพิ่มความดูดีมากกว่า ไม่ได้ปรับเครื่องยนต์ ช่วงล่าง หรืออื่นๆ

เปลี่ยนแต่หน้า ปรับรายละเอียดการออกแบบนิดหน่อย แล้วขายต่อ ก็คงต้องรอดูว่า หลังจากเปลี่ยนในรุ่นซีดาน แล้วรุ่นแฮทช์แบ็คจะยังไงต่อไป

Nissan Almera

ทางด้าน นิสสัน อัลเมร่า เปิดเกมปรับหน้าในสายซีดาน ก่อน Honda City เบื้องต้น รถจะมาพร้อมหน้าตาใหม่ ที่ดูน่าใช้มากขึ้น กับกระจังหน้า Next Gen V-Motion ยังคงให้ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว พร้อมกับ สีใหม่ สไตล์ “นมเผือก” ที่ดูลงตัวน่าใช้ และทันสมัยมากขึ้น

ทางด้านในห้องโดยสาร มีการปรับเบาะนั่งมาใช้ หนัง Heat Gaurd ช่วยสะท้อนความร้อน และ ตบแต่งเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เพิ่มความน่าใช้มากขึ้นในรุ่นบนๆ หน้าตาทุกอย่างรวมๆ ดูจะเหมือนเดิม เว้นแต่งวดนี้ จะมีฟังชั่น ปุ่มขอความช่วยเหลือ หรือ SOS สามารถต่อสายตรงไปยังคอลเซ็นเตอร์ได้ทันที เพียงแค่ปลายนิ้ว

อีกอย่างที่ Nissan Almera เติมเข้ามา ก็ดูจะไม่พ้น ในเรื่องของ Nissan Connected Service หรือ ระบบเชื่อมต่อรถกับมือถือ ให้คุณสามารถดูข้อมูลรถ ตรวจสอบสถานะ และใช้ฟังชั่นต่างๆได้ง่ายมากขึ้น ช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้น

เรื่องสมรรถนะการขับขี่หัวใจหลักสำคัญ คือปรับระบบความปลอดภัยให้ มั่นใจมากขึ้นกว่ารุ่นเดิมที่ผ่านมา โดยเพิ่มชุดกล้องที่กระจกมองหน้า ทำให้ระบบสามารถตรวจจับทำงานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

เพิ่มฟังชั่น ระบบเตือนแรงดันลมยาง , ระบบเตือนออกนอกช่องทางเดินรถ ,ระบบเปิด-ปิดไฟสูง อัตโนมัติ และท้ายสุด เพิ่มระบบ Cruise Control มาให้สักที หลังจากโดนค่อนขอดอยู่ในนานโฉมก่อนหน้า

ทำให้ รถมีความคุ้มค่าขึ้นกว่ารุ่นเดิมพอสมควร

Mazda 2

ทางด้านมาสด้าปีนี้ เปลี่ยนมาสด้า 2 ให้น่าใช้มากขึ้น กับ 2023 Mazda 2 นำเสนองานออกแบบใหม่ เน้นสไตล์กระจังหน้าปิดทึบ จนคนสงสัยว่า เขาเปลี่ยนมาทำรถยนต์ไฟฟ้าแล้วใช่มั้ย … และบางคนเข้าใจผิดว่า มาสด้า 2 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า

ที่จริงแล้ว ในเรื่องเครื่องยนต์ยังคงมาพร้อมเครื่องยนต์ Mazda Sky Activ 1.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตรเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ส่วนภายในห้องโดยสารเพิ่มฟังชั่น Apple Car Play ไร้สายและ ที่ชาร์จไร้สาย ให้เบาะนั่ง ปรับไฟฟ้าตั้งแต่รุ่นกลาง

สิ่งที่มาดส้ามุ่งมุ่นเติมเข้ามา คือระบบความปลอดภัย Mazda i-Active Sense ให้ในรุ่นท็อป เกรด SP และ XDL ได้แก่

  • ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (HBC)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (MRCC)
  • ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 View Monitor)

ทำให้ เจ้าเปี๊ยกคันนี้ ทันสมัยและปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิมที่ทำตลาดมายาวนาน

Honda City

ทางด้าน Honda City ในปีนี้ ปรับหน้าทาปากและเพิ่มฟังชั่นใหม่เช่นกัน โดยหน้าตาตัวรถ จะมีโทนความสปอร์ตมากขึ้น เปลี่ยนลายกระจังหน้าทั้งหมดให้น่าใช้ ปรับรายละเอียด กันชนหน้า-หลัง และเพิ่มสเกิร์ตข้าง ชุดล้ออัลลอยด์ ปรับลวดลายงานออกแบบใหม่ ให้น่าใช้งานมากขึ้น ขนาดยางเปลี่ยนความสูงนิดหน่อยในรุ่นที่ได้ล้อ 16 นิ้ว

ในห้องโดยสารปรับงานออกแบบ ทั้งรุ่น RS และ รุ่นปกติ จุดที่ต่างออกไป คือหน้าจอ​เรือนไมล์, ระบบจอ ดูจะมีความละเอียดขึ้น รวมถึงยังนำเสนอ ช่องชาร์จ USB-C มาให้ในที่นั่งโดยสารตอนหลัง ในรุ่น e:HEV

ส่วนรุ่น RS เปลี่ยนมาเป็นเบาะนั่งแบบหนังแล้ว

ด้านเครื่องยนต์อะไรทุกอย่างนั้นเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงจากในรุ่นที่แล้วแม้แต่น้อย

แต่จุดที่เพิ่มเข้ามา นั้นคือระบบความปลอดภัย Honda Sensing มี 6 ฟังชั่น เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า ประกอบด้วย

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) เฉพาะรุ่น V, SV, RS ขณะที่ในรุ่น SV e:HEV และ RS e:HEV จะได้ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (LSF) เพิ่มเข้ามาด้วย
  • ระบบแจ้งเตือนรถคันหน้าเคลื่อนที่

ทำให้ ตัวรถน่าใช้มากขึ้น และมีการเพิ่มราคาขายไม่มากอย่างที่คิด

โดยสรุปในกลุ่ม อีโค่คาร์ ที่มีการปรับล่าสุด ทั้งหมด แต่ละรุ่น ล้วนเปลี่ยนหน้าและเพิ่มฟังชั่นตัวรถให้น่าใช้มากขึ้น เน้นหนักเรื่องความปลอดภัย

ส่วนว่ารุ่นไหนคุ้มสุด ก็แล้วแต่คนมอง แต่ ถ้าถามว่าแล้วคันไหน ปรับออพชันเพิ่มจากโฉมก่อนมากที่สุด ก็น่าจะเป็น Honda City ที่เพิ่งจะมีระบบ Honda Sensing เข้ามา นั่นเองครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่