แนวคิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นความคิดที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2005 เมื่อบริษัทรถยนต์เริ่มตระหนักว่า หลายประเทศเอาจริงเรื่องของมลภาวะ รวมถึงลูกค้ายังต้องการอัตราประหยัดน้ำมันมากขึ้น จากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นตามลำดับ ทำให้บริษัทรถยนต์พยายามมองหาระบบใหม่ๆ
การทำงานเครื่องยนต์ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เครื่องยนต์มักจะทำงานเต็มกำลังหรือใช้ทุกชุดสูบตลอดเวลา แต่ในระบบ Cylinder Deactivation เครื่องยนต์จะสามารถหยุดการทำงานของชุดสูบบางชุดได้ในยามที่การขับขี่ไม่จำเป็นจะต้องใช้กำลังเต็มที่
ระบบนี้ฟังดูดี แต่ก็มาพร้อมหลายปัญหาสำคัญ อาทิ เครื่องยนต์จะมีอาการสั่นผิดปกติ ระบบเครื่องยนต์ทำงานไม่ได้สมดุล ตลอดจนยังทำให้ระบบไหลเวียนหล่อเย็นำงานผิดปกติ หากใช้ระบบดังกล่าวเป็นระยะเวลานาน
แนวความคิดดังกล่าวอาจจะฟังดูแย่ในสายตาหลายคน แต่ในความเป็นจริงมันดีมากกว่าที่คิด เพราะระบบเครื่องยนต์สามารถตอบสนองตามความต้องการเรื่องควาประหยัดได้ สมมุติ เครื่องยนต์ คุณมีปริมาตรเต็ม 1.2 ลิตร แต่คุณกำลังรถติดอยู่กลางกรุงเทพมหานคร รถขับได้แค่คลานตามการจราจร ระบบบเครื่องยนต์จะจัดการหยุดการทำงานของบางสูบรวมถึงไม่จ่ายน้ำมันในสูบนั้นๆ เพื่อให้เครื่องยนต์มีขนาดความจุลดลงและประหยัดน้ำมันมากขึ้น
และเมื่อทางผู้ขับขี่ต้องการกำลังในการขับขี่มากขึ้น ระบบเครื่องยนต์จะทำการจ่ายน้ำมันจุดระเบิดเครื่องยนต์ให้ครบทุกชุดสูบที่มีของเครื่องยนต์ ซึ่งการทำงานดังกล่าว ช่วยให้ระบบเครื่องยนต์สามารถในการขับขี่เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยความประหยัดที่เหนือชั้น
ระบบการทำงานนี้อาจจะฟังดูนิยายมากๆ แต่มันกำลังจะเป็นจริง มีรายงานว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายรายพยายามนำเสนอระบบดังกล่าวให้โยมีบางบริษัทมีแผนจะใช้ระบบนี้กับเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ
อาทิเช่น Ford ที่ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ว่าเครื่องยนต์ Ecoboost เจนเนอร์ชั่นที่ 2 จะมีความสามารถในความประหยัดมากขึ้น หลังหลายคนยังกังขาในความสามารถของเครื่องยนต์ในตลอดช่วยหลายปีที่ผ่านมา
Ford นับเป็นค่ายรถยนต์รายแรกที่ออกมาสร้างกระแสการใช้ระบบของเขาในรถยนต์ขนาดเล็ก รวมถึงยังจะลามไปถึงเครื่องยนต์รุ่นใหญ่ที่ใช้ในรถกระบะ Ford F-150
โดยระบบนี้จะใช้เวลาในการอ่านค่า 40 มิลลิวินาที และสามารถกลับมาทำงานตอบสนองตามความต้องการของผู้ขับขี่ได้ถึง 4,500 รอบต่อนาที
เดนนิส กอร์แมน วิศวกรจาก Ford ภาคพื้นยุโรป กล่าวเปิดเผยว่า ด้วยการให้ระบบหยุดการทำงานดังกล่วจะทำให้เครื่องยนต์มีทั้งสมรรถนะ และยังมาพร้อมความประหยัด จากการทดสอบของเราพบว่า เครื่องยนต์ใหม่ที่มาพร้อมระบบนี้ตอบสนองในการขับขี่ได้ดี และไม่รู้สึกถึงรอยต่อระหว่างการทำงาน และคุณยังได้อัตราประหยัดมากขึ้นอีกร้อยละ 6 อีกด้วย
ถ้าคุณคิดว่าระบบนี้น่าจะอีกนานคงต้องคิดใหม่ เพราะ Ford มีแผนในการเปิดตัวเครื่องยนต์ Ecoboost 1.0 ที่มาพร้อมระบบดังกล่าวในปีหน้า โดยจะวางจำหน่ยในรถยนต์หลายรุ่นของบริษัทภายในปี 2018
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ …. เนื้อหาดีๆ ต้องแบ่งปันต่อ แล้วอย่าลืมถูกใจ เพื่อรับข่าวสารยานยนต์ดีๆ จากทีมงานคุณภาพ Ridebuster – ส่องรถ ….