ตั้งแต่เปิดตัวออกมา Mitsubishi XForce HEV มียอดจองเข้ามามากกว่า 2,000 คัน และมีแนวโน้มว่าจะทะลุ 3,000 ในเร็วๆนี้ แม้หลายคนสนใจก็ดูจะสะดุดกับ ประเด็นดราม่าบนโซเชี่ยลเล็กๆน้อยๆ ว่าไฟเลี้ยวท้ายดูเล็ก ไปหน่อย แต่เชือผมเถอลองหลับตาข้างหนึ่ง จะเจอกับสวรรค์ของรถ B-SUV ที่เป้นทุอย่างให้คุณ
Mitsubishi Xforce HEV เป็นเด็กใหม่ ตลาด B-SUV เพิ่งเข้าทำตลาดรุ่นนี้เป็นครั้งแรก หลังประเทศไทยพลาดท่าอดได้ Mitsubishi ASX รถดีที่ขายรอบอาเซียน แต่ไมดันไม่ขายบ้านเราอย่างงงๆ
เรื่องรูปร่างหน้าตา ฟังชั่นออพชั่น ผมและทีมงาน Ridebuster เราเคยพูดไปให้ฟังแล้วในช่วงเปิดตัว
ถ้าจะให้ทบทวนอีกที Mitsubishi มาพร้อมทรวดทรงองค์เอว ในทางสปอร์ตกว่า B-SUV ทุกรุ่นที่วางจำหน่าย มาในทิศทางงานออกแบบที่แปลกแตกต่างมีความสดใหม่ที่ไม่เหมือนใคร
จะติติงเรื่องงานออกแบบจริง ก็คงเหมือนที่หลายคนคงทราบจากโซเชี่ยลว่า ไฟท้ายมันมาพร้อมไฟเลี้ยว ไฟเบรกและไฟถอยที่มีขนาดเล็ก สาเหตุที่มันค่อนข้างเล็กมาจากการใช้ไฟ LED ที่มีความสว่างค่อนข้างมาก
แต่เราก็ต้องยอมรับว่าในยามกลางวัน โดยเฉพาะไฟเลี้ยว หากไม่ทันสังเกต อาจคิดว่า รถเขาไม่เปิดไฟเลี้ยว ทั้งที่เปิดแล้วแค่ขนาดมันเล็กไปหน่อย
มาว่ากันที่การขับขี่ , ทริปนี้ ผมได้รับเชิญจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ลงไปทดลองขับ Mitsubishi XForce HEV เส้นทางภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี
ไม่รู้โชคดี หรือโชคร้าย อยู่แดนใต้มา 2 วัน เจอแดดแค่วันละไม่กี่ชั่วโมง นอกนั้นฟ้าครึ้ม ไม่ก็ฝนพรำลงมา ทีมงานเจขาคัดคนมาปักตะไคร้ ไม่ดีเท่าไร
แม้บรรยากาศฟ้าฝนมันจะไม่เป็นใจ หากก็ดูเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ลองรถในสภาวะสุดขั้วกันจริงๆ
ลอง 2 โหมดลุย Gravel – MUD ทำได้จริงมั่นใจทุกเส้นทาง
ก่อนจะออกเดินทางจากภูเก็ต มิตซูบิชิ อยากโชว์ดีเอ็นเอสายแรลลี่ สายลุยในรถคันนี้ แม้นจะเป้นรถขับเคลื่อนสองล้อหน้าก็ยังพก 2โหมดลุยมาให้ลูกค้าได้ใช้จาก 7 โหมดการขับขี่ คือ Gravel และ MUD
โหมด Gravel ผมลองไปแล้วครั้งตอนขับครั้งแรกที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ในการลองขับเบื้องต้นรอบแรก
ไม่น่าเชื่อทั้งหมดเป็นการปรับเพียงซอฟท์แวร์ จูนการตอบสนองของ พวงมาลัย คันเร่ง ระบบควบคุมการทรงตัวและ AYC ช่วยสอดผสานให้รถขับดีขึ้นไปอีกระดับในทางที่ยากจะขับอย่างทางฝุ่นดินลอย
ในโหมดนี้ พวงมาลัยจะหนักขึ้น รถขับแม่นยำกระชับขึ้น เหมาะแก่การขับทางฝุ่นด้วยความเร็วในระดับที่พอให้คุณสนุกสนาน อมยิ้มมุมปาก แม้ว่าไม่ขับรถลุย
ครั้งนี้ก็เช่นกัน XForce ยังทำได้ดี ให้คุณสามารถฮ้อตะบึงดำฝุ่น สนุกสนานในแบบขับแรลลี่มือโปรด้วยตัวคุณเอง
แต่ความสนุกนี้ก็มีข้อจำกัด Mitsubishi มาพร้อมล้อ 18 และยางทางเรียบแก้มเตี้ย เหมาะต่อขับบนถนน แต่ไม่ใช่ในทางฝุ่นเน้นลุยแบบนี้
ปัญหาอยู่ที่แรงสะเทือนจากพื้น ในทางขุรขระ ที่ค่อนไปทางตึงตัง มันยังรวมถึงในกรณีคุณขับเก่ง กำลังเมามันส์สนุกมากๆ อาจกลายเป็นเพลี่ยงพลั้ง ยางหลุดขอบ ตัวผมประสบมาแล้ว
ยางไม่ได้รั่ว ไม่ได้ชนหิน แค่ผมสนุกเกินเบอร์ไปหน่อย ทำให้ยางที่โดนกระแทกยาวๆ บวกกับการเลี้ยวแรงสะสมมานานโบก ล้อจ๋ายางลาก่อน เมื่อเจอแรงบิดน้ำหนักบดลงไป
ยังดีมีระบบเตือนแรงดันลมยาง ทำหน้าที่ทันควันทันทันท่วงที ตอนที่ลมยางกำลังรั่วแล้ว ช่วยเซฟยางเซฟแม็กได้ดีในสถานการณ์แบนี้
ลุยโคลน ทำได้ แต่ต้องเข้าใจ
แต่ก่อนหน้าผมจะยางรั่ว จนหมดสนุก ผมเล่นโคลนมาก่อนแล้ว โหมด MUD ถ้าจะถามว่าไปได้จริงมั้น ตอบว่า “ไปได้จริง” แต่ต้องเข้าใจมันมากๆ ระบบนี้จะใช้การอ่านค่าการหมุนของล้อ ทำงานร่วมกับ การใช้คันเร่ง และระบบควบคุมการทรงตัว ป้องกันล้อลื่นไถล
ในสถานการณ์จริง เวลาเราติดบ่อโคลน เราจะพยายามเร่ง หรือภาษาสายลุย เรียกว่า “ปั่น” เพื่อเอารถให้ออกจากโคลน
โหมดนี้ เมื่อเข้าโหมด จะมีการปรับ ESP ให้ปล่อยให้ล้อปั่นได้ ไปพร้อมกับ พยายามบังคับให้แรงหมุนของล้อซ้ายขวาทางด้านหน้า ส่งกำลังเท่าๆกัน ทำงานเสมือนรถมี Limited Slip ที่คอยกระจายแรงบิด ทว่ามันใช้ซอฟแวร์เข้าช่วยก็เท่านั้น จะเรียกว่า e-LSD ก้น่าจะพอพูดได้ ทำให้รถผ่านมาได้ แม้นไม่ถึงกับง่าย ทว่าก้ทำได้แล้ว
จริงๆ ระบบลักษณะนี้ผมเคยเจอใน Peugeot 3008 มาก่อน ทว่าตอนที่คุณใช้ต้องเดินคันเร่งต่อเนื่อง อย่าถอน แล้วไว้ใจระบบ ให้เกทสถานการณ์แล้วจัดการพาคุณออกไป
ระบบไม่ได้วัดหรือส่องว่าพื้นตอนนี้เป็นอย่างไร แต่ใช้การสังเกตอาการจากการหมุนขอบรอบล้อ และการควบคุมคันเร่ง ร่วมในการเข้าใจว่าตอนนี้ทำอะไร นั่นทำให้มันยากในการใช้งานจริง
แต่ถ้าจะถามว่ามันไปได้มั้น ตอบว่า “ไปได้ครับ” ในสเตชั่นนี้ โคลนครึ่งล้อก็ผ่านได้ ตราบใดที่ใต้ท้องไม่แขวนสบายๆ เลย (แถมตัวรถก็เบาเสียด้วย) แต่หากในสถานหารร์จริงดินเละมหาศาล ยังไงเสีย มันก็ไม่เท่าคุณใช้ยาง AT+ ระบบขับเคลือนสี่ล้อ
ลุยจนหอมปากหอมคอ เราเดินทางต่อไปยัง เขาหลัก เส้นทางภูเก็ต-เขาหลัก หลายช่วงสามารถทำความเร็วได้
พอมาสู่ทางถนน ช่วงล่าง X Force เซทมาติด Sport กว่า Honda HR-V ขับสนุกมันส์เอาเรื่อง ตามสไตล์มอตซูบิช ไม่แปลกใจเลย เพราะช่วงล่างเขาบุกมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเทสกว่า 1 แสน กิโลเมตรในบ้านเรา
มีโค้งไม่ต้องยั้งใส่ได้เลย ถ้าใจคุณกล้าพอ
มันยิ่งสนุกมากขึ้นในโหมด Tarmac หรือ โหมดสปอร์ต ที่มุ่งเน้นความมั้นใจในการขับขี่ ช่วงล่างนิ่งขึ้น การตอบสนองพวงมาลัยแน่นขึ้น โหมดเกียร์เปลี่ยนเป้น B ขับเซียนๆ เข้าโค้งไม่เบรกยังทำได้ ถ้าไม่ใช่โค้งแคบหักศอก
ผมขับรถคันนี้แล้วกล้าพูดว่านี่คือ รถที่ขับสนุกแน่นนิ่งขับมันส์สมราคา
ไม่เพียงเท่านี้ด้วยการใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร หนึ่งเดียวในคลาสตอนนี้ ทำให้เวลาเดินทางไกลได้เปรียบ ไม่ว่าเครื่องจะทำหน้าที่อะไร ปันไฟหรือขับลงล้อ มันก็ตอบโจทย์ได้
อีกอย่างระบบทดมอเตอร์ของ XForce ยังใก้อัตราทด Low+ High ทำให้การตอบสนองมอเตอร์จัดจ้านตลอดเวลาไม่ห่อเกี่ยว แม้แต่การขึ้นทางลาดชั้น ก็ยังไปได้สบายๆ
ขับประหยัดกลางฝน ได้ 31 ก.ม./ลิตร
แต่วันที่ต่อมา มิตซูฯก็สรรหา ความท้าทายใหม่ ให้เราขับประหยัดจากเขาหลักไปยัง จังหวัดสุราษฏรธานี ระยะทาง 101 ก.ม.
จะออกตัวปุ๊ป ฝนถล่มปั้บ ฝนยาวๆ หนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่ช่วง จึง ใช้การคลานตามๆ กันมา 60-80 เส้นทางที่ใช้เป็นเส้น 401 ที่วิ่งผ่าน เขาสก มีขึ้นเขาลงเขา 2 เลนสวน ประกอบกับฝนตกยาวๆ จึงใช้ความเร็วกันไม่มาก
ผมใช้โหมด Normal สังเกตว่าในช่วงขึ้นลงเขา ระบบจะปรับมาเป็นเครื่องยนต์เพื่อเรียกความต่อเนื่องไม่ให้ขาดตอน พอเขาไม่ชันมากจะปรับเป็น ซีรี่ย์โหมด เครื่องปั่นไฟ ขับสบายๆ อัตราเร่งมี
แต่เนื่องด้วยระหว่างทางฝนเริ่มหนัก ผมเลยปรับไปเป็น WET ลองดู ผลคือ รถแน่นนิ่งขับมั่นใจมากขึ้น เครื่องยนต์ลดบทบาทเป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าเท่านั้น ไม่มีการใช้โหมดเครื่องเพียว ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ทำไมเซทรถมาแบบนี้เหมือนกัน
ผมสลับไปมาๆ 2 โหมดนี้หลัก จะมีแอบใช้ EV ดูบ้างช่วงลงเขายาวๆ กดโหมด B แล้วรีดไฟเข้าแบตเตอร์รี่เต็มๆ น่าแปลกที่แบตเตอร์รี่ไม่เคยถึงขีดตายเส้นบน หรือเต็มปรี่
หลังจากนั้นก็ขับไฟฟ้าระยะใหญ่ได้ 3-4 ก.ม.ก่อนจะกลับไปเป็น โหมดเครื่องปั่นไฟฟ้า
จากที่ขับมา ระยะทางขับจริง คือ 99.1 ก.ม. ตามข้อมูลบนหน้าปัด เติมน้ำมันคือถัง 3.179 ลิตร หรือ อัตราประหยัด 31 ก.ม./ลิตร
ตัวเลขกล้าพูดว่า โคตรประหยัด ส่วนระยะเวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงพอดี ออก 09.30 ถึงปั้มเป้าหมาย 11.30 หรือ เฉลี่ยๆราวๆ 50 ก.ม./ช.ม. ซึ่งก็ไม่ได้ข้า เพราะ อากาศไม่เอื้ออำนวย และ เส้นทางเลนสวนก็ทำได้คือไปได้เรื่อยๆ
สรุป Mitsubishi XForce HEV B-SUV น่าคบ แต่คุณต้องเข้าใจงาน
หลังจากลองขับ ผมกล้าพูดว่า Mitsubishi X Force HEV เป็น B-SUV ที่ทำออกมาครบทุกด้านของการใช้งาน จะทางเรียบทางลุยจริงจัง ไปได้หมด ตราบใดที่ไม่ได้โหดเกินไป จนต้องใช้รถ 4WD
ในส่วนของเรื่องไฟเลี้ยวเล็ก ผมก็เข้าใจคนที่เขาออกมาพูดวิจารณ์ มันก็เล็กจริงๆ แหละครับ ถ้าคุณขับตามยามกลางวัน เหม่อลอย ไม่ทันมอง อีกที คือ เบรกตัวโก่ง คงต้องคิด โอ้โห ไฟเลี้ยวมันจะเล็กไปไหน ยิ่งกว่ามอเตอร์ไซค์เสียอีก
แต่ในอีกมุม ไฟเลี้ยวเป็น LED ทุกตัวแหน่งมีความสว่างมาก โดยเฉพาะกลางคืน กฏหมายไม่ได้บอกว่า ไฟเลี้ยวต้องมีขนาดเท่าไร บอกเพียงว่าต้องมีสัญญาณที่สามารถสังเกตได้เท่านั้น
มันทำให้ผมนึกถึงแลนเซอร์ ซีเดีย ในอดีต ตัวไฟเลี้ยวสีแดง เรื่องนี้ดูมาหลอนอีกครั้งในมิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ซ
รถขับดีมั้ย “ดี” แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ แบบนี้ก็อาจจะทำให้คนคิดมาก และมองข้ามเจ้าอเนกประสงค์คันนี้ไป
รวมๆ เรื่องการขับขี่ผมว่า เวิร์ค และ บอกตามตรงผมชอบมันมากๆ ตลอดที่อยู่ด้วยกัน 2 วัน
สิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังติด กับรถคันนี้คือภายในที่มาในรูปแบบ ยำใหญ่จากรถยอดนิยม ไม่ว่า จะ Mitsubishi Xpander และ Mitsubishi Triton หลายอย่างเห็นแล้วคุ้นหน้าตากันเป็นอย่างดีไม่ต้องสาธยายเยอะแยะมากความ
แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับมิตซูบิชิ แต่กับผู้บริโภคบางคน มันเป็นเรื่องใหญ่กว่ามาก บางคันรับได้ และบางคนก็อาจรับไม่ได้
แต่จากทั้งหมด ถ้าคุณมองข้าม 2-3 เรื่องที่ผมกล่าวไป นี่คือรถที่ดี ครบครันคุ้มราคา ฟังชั่นออพชั่นต่างกันบ้าง ถ้าชอบสีสันหน่อย ก็สมควรจบที่ตัวท๊อป ครับ
เรื่องและขับทดสอบโดย ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล
ขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่เชิญเข้าร่วมทริปทดสอบ รถยนต์ Mitsubishi XForce มาณ โอกาสนี้
บทความและข้อมูลรีวิว เผยแพร่บนเว็บไซต์ Ridebuster ไม่อนุญาต ให้นำข้อความ หรือ ส่วนหน่งส่วนใด ของ ความคิเห็นผู้ทดสอบไปเผยแพร่ในช่องทางอื่น โดยมิได้รับอนุญาต
ข้อมูลตัวรถอ้างอิงจาก Mitsubishi Motor