ช่วงนี้กระแสรถยนต์สายลุย อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นที่ต้องการของคนไทยอย่างมาก สำหรับค่ายวงรีสีน้ำเงิน พวกเขามีรถยนต์หลายรุ่นที่พร้อมสำหรับเรื่องลุย วันนี้ทางฟอร์ด ตัดสินใจเพิ่มรุ่นใหม่ Ford Ranger Sport 4×4 กลับมาขายอีกครั้ง
ก่อนจะว่ากันถึงตัว ต้องบอกก่อนว่า ทางฟอร์ด ตัดสินใจ นำรถรุ่นนี้กลับมาขายอีกครั้ง หลังจากมีการสำรวจตลาด แล้วพบว่า ลูกค้าจำนวนหนึ่งเห็นว่ากระบะฟอร์ดสายลุยราคาแรง จนอยากจะตแตะต้อง ถ้าไม่ซื้อรุ่นใหญ่ ก็แทบจะไม่มีโอกาส
เหตุนี้ทางฟอร์ด จึงนำเสนอ Ford Ranger Sport 4×4 เข้ามาตอบตลาดอีกครั้ง เดิมทีรถรุ่นนี้ วางขายในช่วงเริ่มต้นแนะนำไลน์อัพ ก่อนตัดทอนหายไป เนื่องจากทางฟอร์ดเล็งเห็นว่า ลูกค้าไม่ค่อยซื้อ จนกระทั่งวันนี้ กลับมาขายอีกครั้ง
หลายคน น่าจะเคยเห็น Ford Ranger Sport กันมาพอสมควร จุดเด่นรถคันนี้ คือชุดแต่งรหัส Sport เป็นการยกระดับจาก ตระกูล XLS และ XLT อีกขั้น
อันที่จริง ผมต้องบอกตามตรงว่า ทางฟอร์ด มีการวางไลน์อัพรถชัดเจน คือ XL = Extra Luxury หรือ ให้ความหรูหรามากกว่า แต่ความจริง มันคือ การเพิ่มแแพชั่นมาตรฐานในปัจจุบัน เช่น กระจกไฟฟ้า 4 บาน อัพภายในให้ดูดีมากขึ้น
จนปัจจุบัน XL กลายเป็นรุ่นมาตรฐานของฟอร์ตามยุคสมัย ก่อนจะมาแตกแขนง เป็น XLT และ XLS
XLS ก็คือ XL ที่บวกการตบแต่งในสไตล์สปอร์ตเข้ามา
แต่ในส่วนรุ่น XLT กลับยังไม่มีความชัดเจนว่า มันควรจะย่อมาจากอะไร บางคนติต่างว่า มันน่าจะมาจากคำว่า Extra Lavish Truck ที่หมายถึง ความหรูหราที่เหนือกว่า นิยมใช้ในบรรดารถบรรทุกในอเมริกา ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา
ทีนี้ในรหัส “Sport” ทางฟอร์ด วางให้มันเหนือกว่า เป็นรองเพียง Wildtrak และ Stormtrak เท่านั้น
ภายนอกตบแต่งด้วยชุดแต่งสปอร์ต หรือให้เข้าใจง่าย ทุกชิ้นภายนอกจะทำสีเดียวกับตัวรถ เช่น กระจังหน้า ,กระจกมองข้าง ไปจนถึง กันชนหลัง ติดตั้งมาครบเครื่องเรียบร้อย พร้อมล้ออัลลอยทูโทน ขนาด 18 นิ้ว
ส่วนกระบะท้ายเวอร์ชั่นขายบ้านเราจะโล้นๆ ไม่มีอะไรติดตั้งมาให้ ทั้งที่รถที่ส่งออกไปยังฟิลลิปปินส์ มี Sport Bar มาให้ จนเสียบุคคลิกที่ควรเป็นของรถรุ่นนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
อีกข้อ ผมอปลกใจที่ฟอร์ด ไม่ยอมเอามันมาเป็นจุดขาย นั่นคือสีน้ำเงิน Blue Lightning มีมาแล้วในรุ่นนี้ ทั้งที่เป็นไฮไลท์สำคัญในรุ่นนี้
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร กวาดตาไป อาจจะรู้สึกว่ามันมีความคล้ายกับรุ่น XLS อยู่ไม่น้อย แต่ความจริงแล้ว มีหลายอย่างที่ให้มากกว่า เริ่มจาก
- ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- แท่นชาร์จไร้สาย
- กระจกหน้าต่างปรับไฟฟ้าด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าพร้อมระบบเปิด-ปิดแบบสัมผัสเดียว
- กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
แต่นอกนั้นมองเผิน จะรู้สึกว่าก็คล้ายๆ กัน เช่น หน้าจอผู้ขับขี่ ขนาด 8 นิ้ว และ หน้าจอเครื่องเสียงขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play และ Android Auto จนบางคนอาจรู้สึกว่า มันต่างไม่มาก
แถมที่นั่งทั้งหมด ยังปรับมือไม่ได้ให้การปรับไฟฟ้ามาด้วย ก็เป็นอีกข้อที่ทำให้หลายคนเซ็งไม่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าตัวรถในกลุ่มกระบะพร้อมลุย ราคานี้ก็มาแบบนี้ทั้งนั้น
ลองขับตัวลุยคันนี้ อาจไม่เด่นแต่พอใช้งานได้
ได้เวลามาลองขับ ผมมีเวลาอยู่กับรถคันนี้เพียง 3 วันเท่านั้น แถมฝนกตกหนักในระหว่างที่ได้รับคิวให้มาทดสอบ จนต้องขอเปิดอกยอมรับเลยว่า ไม่มีเวลาเอามันไปลุยไหนจริงจัง
ใต้เรือนร่างรถคันนี้ ทางฟอร์ดวางหมากให้เป็นรถใช้งาน พวกเขาจึงติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเข้ามาตอบโจทย์ลูกค้า พละกำลังเครื่องลูกนี้สูงสุด เพียง 170 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ระนาบต่อเนื่องตั้งแต่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที พกชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เขามาตอบลูกค้า
ถ้าเทียบกับรถที่ขายในตลาดวันนี้ต้องยอมรับว่า พลังขับของฟอร์ดสายลุย ตัวเริ่มคันนี้ ค่อนข้างจะอ่อนที่สุด จนเกือบตกไปท้ายตลาด
ผมแอบเสียดายที่ฟอร์ดตัดสินใจเลือกเครื่องยนต์ลูกนี้ มาติดตั้ง เนื่องจากในอดีตฟอร์ดเคยทำตลาดรถแบบนี้ในรุ่น Limited มาก่อนในช่วงแนะนำเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ใหม่ๆ และผมพบว่า มันเป็นกระบะที่ดี เนื่องจากมันมกำลังขับสูงสุด 180 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร และยังให้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดด้วย
แต่พอมาในรุ่นใหม่ตัวนี้ การวิศวกรรมและกำลังขับกลับด้อยลงไปพอสมควร จนอาจทำให้ลูกค้าตะขิดตะขวงใจ แม้ว่าราคาจะถูกกว่าคู่แข่งอยู่ในระดับหนึ่ง
หากพอมาคุยกับความจริงของการซื้อรถสายลุย ลูกค้าจะมีความคิดว่าขอแรงไว้ก่อน กลุ่มนี้ก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อยลงไป คือกลุ่มพร้อมจ่าย ก็คงจะก้าวไปยังเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ตระกูลแรง เลยจบๆไป แต่กลุ่มที่งบประมาณจำกัด ชอบทรงฟอรโนะ แต่พอมาดูแรงม้า ก็อาจจะคิดไม่ตกเช่นกัน
จากการขับทดสอบของผม ในเรื่องกำลังเครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยวตัวนี้ ไม่มีปัญหากับการขับใช้งานทั่วไปในความเร็วตามกฏหมายกำหนด กำลังเร่งแรงพอมี การตอบสนองอยู่ในจุดพอรับได้
สิ่งที่ผมรู้สึกว่ายังไม่ชอบจนถึงวันนี้คือ การให้ระบบ Toggle Switch ใช้งานค่อนข้างยก ในการขับขี่จริง ขณะที่เจ้าอื่นส่วนใหญ่เป็นระบบดันก้านเข้าใจและใช้งานง่ายกว่า
ข่าวดีในรุ่นนี้คุณจะมีโหมดการขับขี่ได้มา 6 โหมด เทียบเท่าในกลุ่ม Wild trak โดย 4 ใน 6 เป็น โหมดถนน ได้แก่
- ปกติ
- ประหยัด
- ลากพ่วง
- ถนนลื่น
ถ้าสังเกต Ford Ranger Sport ไม่ได้ให้โหมดสปอร์ตเข้ามา แต่ฟอร์ดเคยแอบบอกเราที่จริง โหมดลากพ่วงนี้แหละคือโหมดสปอร์ต ของพวกเขา แต่เนื่องจากรถกระบะไม่ใช่รถซิ่ง โหมดนี้จึงกะว่าเอาไว้ให้ลูกค้าใช้เวลาต้องขับลากพ่วง
ระบบจะทำการทำให้คันเร่งตอบสนองดีขึ้น เกียร์จะยอมให้ลากเกียร์มากขึ้น ใช่ครับนั่นคือเวลาที่เราขับต้องการอัตราเร่ง หรือขับแบบสปอร์ตนั่นแหละครับ
ส่วนอัตราประหยัดเท่าที่ขับบนถนนจากการใช้งานจริงจะได้ 10.61 ก.ม./ลิตร มันไม่ใช่อัตราประหยัดที่ประหยัดนัก ถ้าเทียบว่าตัวเลขเดียวกัน คุณก็ได้จาก เครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ หรือ V6 3.0 ลิตร
ลองลุยสั้น อาวุธน้อย ต้องอาศัยทักษะ
แม้ช่วงที่ผมเอารถคันนี้มา จะเป็นช่วงหน้าฝน และไม่มีโอกาสไปแลุยทางธรรมชาติ แต่ผมก็มีโอกาสหาที่ลองขับจนได้
เมื่อพูดถึงเรื่องลุย รถคันนี้ก็พอมีเขี้ยวเล็บอยู่บ้าง เริ่มจากช่วงล่าง Monotube ซึ่งกระบะรุ่นอื่นยังไม่กล้าให้มาจากโรงงาน ขับบนถนนอาจจะแข็งๆไปบ้า งพอมาทางลุยขับดีใช้งานรู้สึกสนับสนุนความสบายดีขึ้น
ในส่วนโหมดการขับขี่ก็ให้มาอย่างครบเครื่อง แต่ถ้าโฟกัสทางลุยจริงๆ มีเพียง 2 โหมด คือ โคลนร่อง และ ทราบเท่านั้น แต่คุณยังสามารถใช้โหมดอื่นๆ ลุยได้เช่นกัน ถ้าต้องการ เช่น โหมดปกติเป็นต้น
ไม่เพียงเท่านี้ รถยังติดตั้ง ดิฟล็อคหลังมาด้วย และ รวมถึงระบบช่วยลงทางลาดชัน อาจจะไม่หวือหวาเท่าไรนัก แต่ก็มีมาให้
พอลองขับจริงในทางทดสอบสั้น กำลังขับน้อย แต่มันมีดีตรงที่แรงบิดน้อย ทำให้เกิดการปั่นน้อยเวลาเจออุปสรรค แต่เวลาขึ้นเนินก็อาจจะต้องใช้คันเร่งเนียนๆ หน่อย เวลาจุ่มลงไป แต่มันไม่มากหรือน้อยเกินไปในการฝ่าอุปสรคคยามปกติ
โหมดลุย อาจจะน้อย แต่เข้าใจว่าฟอร์ดอาจต้องการให้ใช้เมื่อเจอสถานการณ์ยากจริงๆ
ที่จริง ถ้าวัดข้าวของในรถรุ่นนี้ มันใกล้เคียงกับ Wild trak ทุกอย่าง ในเรื่องลุย เว้นสองสิ่ง คือเครื่องยนต์และชุดเกียร์ที่มีความแตกต่างกัน ในระหว่างรุ่น
ในการลุยทดสอบของเราทั่วไป กำลังเครื่องไม่ใช่ปัญหา แต่นั่นคือในสนามทดสอบ ไม่ใช่กับในทางธรรมชาติ ซึ่งสามารถเปลี่ยนความท้าทายได้ตลอดเวลา
จุดนี้เองที่ กำลังเครื่องจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการตัดสินว่า จะนอนป่า หรือกลับไบ้านไปแบบมีเรื่องเล่า
นานแล้ว ตอนสมัย Ford Ranger Limited ออกมา เคยไปลุยเขากระโจม แล้วพบฝนตกระหว่างทางลุย ผลคือ ดินเป็นหนังหมู การจะฝ่าเส้นทางแบบนี้ต้องอาศัยกำลังเครื่องในการปั่นฝ่าอุปสรรค ซึ่งกำลัเครื่องมีบทบาท
แม้ว่าใน Ford Ranger Sport จะมีโหมดโคลน มันอาจจะช่วยได้ แต่ก็อาจไม่สามรรถสู้สภาพได้เท่ากับกำลังขับที่ได้จากเครื่องยนต์
หรือ แ้มแต่ตอนที่เรามีโอกาส เทส Next Gen Ranger ช่วงเปิดตัวครั้งแรก ทางปกติกลายเป็นทางยาก เมื่อฝนตกลงมา ในระหว่างทดสอบ จนขนาดนั้นตอนนั้นลุยด้วยตัว เครื่องเทอร์โบคู่ ยังเกือบไม่รอด ต้องอาศัยทักษะเอาตัวรอด ซึงไม่ใช่ลูกค้าทุกคนจะมี
อีกครั้ง มันพิสูจน์ว่ากำลังเครื่องมีบทบาทมากเวลาลุย แม้จะดูไม่จำเป็น แต่จำเป็นมากในสถานการณ์จริง
ดังนั้น อาวุธสำคัญที่ควรมีคือเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบคู่ หรือ ถ้าจะใจดี ติดตั้ง V6 3.0 เข้ามา ก็อาจจะทำให้แฟนๆ ฮือฮา ผมมั่นใจว่า ลูกค้าพร้อมจะจ่ายให้เพื่ออะไรที่เหนือว่า
ขณะที่ตัว Wildtrak หรือ Storm Trak อาจะมีตัวลุย แต่ลูกค้าบางคนก็ไม่ได้ชื่นชอบการตบแต่งก็มี พวกเขาอาจะต้องการรถสีน้ำเงินมีของลุยครบเครื่อง แล้วออกรถไปแต่งเองตามต้องการ
สรุป Ford Ranger Sport 4×4 ลุยได้ราคาคุ้ม แต่ถ้าเอาสมรรถนะยังต้องคิด
มาถึงตรงนี้ ถ้ามองราคาอย่างเดียว Ford Ranger Sport เป็นรถที่มาพร้อมราคาขายที่น่าสนใจมากๆ 1.089 ล้านบาท ผ่อนตกเดือนละ 12,000-15,000 บาท ไม่ใช่ราคาแพงนัก กับกระบะสายลุยสักคัน
แต่ประเด็นสำคัญสำหรับคนหารถลุย เขาต้องการความมั่นใจว่า จะไปได้แล้วกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ข้าวของน้อยไม่เป็นไร แต่ต้องมีพลังเมื่อต้องบู้นี่แหละสำคัญกว่า
ในความเห็นผมจึงมองว่ามันเป็นรถที่ดี ถ้ามีเครื่องยนต์และเกียร์ที่ดีกว่านี้
อยากแนะนำ พี่ๆการตลาดฟอร์ดครับ ว่า ทำกระบะ Ford Ranger Limited กลับมาก็ดีนะ อาจจะวางเป็นตัวพิเศษ ได้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร หรือ 2.0 เทอร์โบคู่ พร้อมฟังชั่นขับสี่ แบบไม่ต้องแต่ง เหมือนวันวาน (แต่ถ้าเป็น V6 หลายคนจะชอบมากกว่า๗
ฟอร์ดชอบทำรถลุยที่แต่งจัดเต็ม นี่เป็นครั้งแรกที่มีตัวลุยไม่แต่งเยอะออกมาขาย แต่ดันเสียตรงพลังขับมันร้อยไปหน่อย จนลูกค้าอาจมองข้าม
ส่วนตัว มันเป็นรถลุยราคาคุ้มจริ งแต่พอคุยเรื่องสมรรถนะ บางคนอาจรู้สึกว่าว่ายังไม่โดน แต่กับลูกค้ากลุ่มองค์กร ต้องการประหยัดงบ คันนี้พอได้ อย่างน้อยที่สุดราคานี้ได้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
เรื่องละขับทดสอบ ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล
ขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย เอื้อเฟื้อรถทดสอบ