หนึ่งประเด็นที่ผู้คนมักนำมาใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อรถสักรุ่น คือเรื่องเทคโนโลยีติดรถว่าจะมีครบ มีพร้อม และทำงานได้ดี มีสเถียรภาพขนาดไหน

ดังนั้นเพื่อให้สินค้ามีความตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงใจ ทาง Toyota จึงวางแผนที่จะขยายอายุการตลาดรถของพวกเขาให้ยาวนานขึ้น จากที่อาจจะเคยอยู่ในหลัก 5-6 ปี เพิ่มเป็น 9 ปี เพื่อซื้อเวลาให้กับทีมวิศวกรและการตลาดได้มีเวลาวิจัยและพัฒนารถยนต์โมเดลใหม่มากขึ้น
โดยเฉพาะเหล่ารถยนต์รุ่นใหญ่ตัวเรือธง รวมถึงโมเดลขายดีทั้งหลาย ที่ทางค่ายต้องใช้ความพิถีพิถันในการพัฒนาให้มากกว่าเดิม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ได้เต็มที่ยิ่งขึ้น เหมาะสมกับความต้องการและโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง และยังรวมถึงการพัฒนาระบบซอฟท์แวร์กับระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่างๆที่ลูกค้าหลายคนให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆและไม่เกิดความผิดพลาดจนทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่นใจตัวแบรนด์
ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้วพักหนึ่ง เพราะหากคุณสังเกตกันดีๆจะพบว่ารถ Toyota Corolla เจเนอเรชันปัจจุบัน ได้ถูกเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 และยังไม่มีทีท่าว่าจะถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ใดๆทั้งสิ้นในเร็วๆนี้ หรือต่อให้คุณทักว่าทางค่ายพึ่งเปิดตัวรถต้นแบบออกมา ทว่ามันก็ยังต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี อยู่ดี ถึงจะถูกพัฒนาให้กลายเป็นร่างขายจริงได้ ตามการรายงานโดยสื่อต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี ใช่ว่าทุกคนจะสนับสนุนแนวคิดการทำธุรกิจในลักษณะนี้ เพราะจากการรายงานโดยสื่อ Nikkei Asia ระบุว่าเหล่าดีลเลอร์ หรือผู้แทนจำหน่าย ก็แสดงความกังวลถึงการทำยอดขาย เพราะยิ่งรถมีอายุการตลาดมากขึ้น ความน่าสนใจในตัวรถยิ่งน้อยลง ทำให้ทางดีลเลอร์ต้องสรรหาวิธีจูงใจลูกค้า และหนึ่งในนั้นคือการอัดส่วนลดโปรโมชันต่างๆ ซึ่งทำให้รถที่ขายได้น้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งทำกำไรให้กับดีลเลอร์น้อยลงไปอีก
ในทางกลับกัน ทาง Toyota ได้แสดงความมั่นใจกับแผนงานนี้ต่อดีลเลอร์หลายๆแห่งว่า ราคาหลังบ้านของรถที่ถูกลากขายให้กับดีลเลอร์ จะไม่มีการปรับเปลี่ยนหรือมีการหั่นราคาใดๆตลอด 9 ปี และดีลเลอร์จะยังคงได้กำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาตั้งต้นกับราคาหน้าร้านที่ลูกค้าต้องจ่ายดังเดิม และ Toyota ก็จะยังคงได้กำไรเช่นกันเพราะไม่จำเป็นต้องเอางบไปทุ่มให้กับการปรับโฉมรถใหญ่ๆบ่อยครั้งเกินจำเป็น
ส่วนในมุมลูกค้า ก็มีทั้งลูกค้าที่ไม่เห็นด้วย เพราะอยากเห็นรถโฉมใหม่ที่ทันสมัยเร็วๆ ไม่อยากรอลุ้นยาวๆจนท้อ และก็มีลูกค้าอีกฝั่งที่เข้าใจ รวมถึงเห็นด้วยว่าพวกเขาควรให้เวลาทางค่ายได้พัฒนารถอย่างเต็มที่ เพราะหลายครั้งก็มีกรณีรถถูกเร่งพัฒนาเกินไป จนพอขายจริงในช่วงแรก พวกมันก็เต็มไปด้วยปัญหาที่ไม่น่าเกิด
ดังนั้นการที่ผู้ผลิตสามารถเก็บข้อฒูลใการพัฒนารถได้อย่างเต็มที่ ก็ย่อมหมายความว่ารถล็อตแรกที่เปิดตัวออกมาจะมีปัญหาน้อยลงตามเช่นกันนั่นเอง
