ผ่านไปหนึ่งปี ของ OMODA & JAECOO กับการลุยตลาดในประเทศไทย วันนี้พวกเขาสามารถสร้างโชว์รูมได้กว่า 60 แห่งทั่วประเทศ และยังจะเสริมทัพรถยนต์รุ่นใหม่เพิ่มเติมอีกมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือ OMODA C3 ที่หลายคนให้ความสนใจและกำลังจะถูกนำมาโชว์ตัวในบ้านเราเร็วๆนี้
OMODA & JAECOO ประกาศความสำเร็จของการทำตลาดรถในประเทศไทยในระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา ว่าตอนนี้ พวกเขาได้กระแสตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะกับน้องใหม่อย่าง OMODA J5 EV ที่สามารถทำยอดจองได้กว่า 5,000 คันในเดือน สิงหาคม 2568 โดยที่ในปัจจุบันทางแบรนด์ยังมียอดอัตราการส่งมอบรถเฉลี่ยที่ 1,200 คัน/เดือน
และคาดว่าพวกเขาจะสามารถขายรถรุ่นนี้ รวมกับรุ่นอื่นๆ อย่าง OMODA C5, JAECOO C6, JAECOO 7 จะมีตัวเลขสะสมทะลุ 10,000 คัน ภายในสิ้นปีนี้ และ 25,000 คัน ในปีหน้า
โดยนโยบายสำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดขายข้างต้นของแบรนด์ ก็คือการขยายจำนวนศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายจาก 60 แห่ง ให้เป็น 70 แห่ง ภายในปีนี้ และจะขยายจำนวนเพิ่มเป็น 90 แห่ง ภายในไตรมาสแรกของปี 2569
นอกจากนี้ภายในสิ้นปี 2568 พวกเขายังจะเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่อีก 3 รุ่นด้วยกัน ทั้งรุ่นที่ใช้ขุมกำลัง REEV, PHEV, และ BEV โดยในงาน Motor Expo 2025 ที่จะถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ทางค่ายยังจะทำการโชว์ตัว OMODA C3 ให้ชาวไทยได้สัมผัสรถคันจริง ก่อนเตรียมขายในไตรมาส 3 ของปีหน้าอีกด้วย
นอกจากนี้ ทาง OMODA & JAECOO ยังเดินหน้าสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ของแบรนด์ในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยโรงงานแห่งนี้จะรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์พลังงานใหม่ หรือ Hub of NEV (New Energy Vehicle) ให้กับตลาดรถยนต์ในภูมิภาคเอเชียจะวันออกเฉียงใต้ และจะเริ่มเดินสายพานการผลิตภายในสิ้นปีนี้
โดยจะทำงานร่วมกับโรงงานในประเทศมาเลเซียที่รับหน้าที่เป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์พลังงานปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และ โรงงานในประเทศอินโดนีเซียซึ่งรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปพร้อมๆกับ
ไม่เพียงเท่านั้น ทางแบรนด์ ยังมีแผนที่จะก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) รวมถึง ศูนย์พัฒนาบุคลากร (Training Center) ในไทยเพิ่มอีกภายใน 5 ปี นับจากนี้ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการเดินหน้าผลิตและดูแลผลิตภัณฑ์ของพวกเขาให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น สำหรับลูกค้าในภูมิภาคเอเชียจะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจังนั่นเอง