Home » ปิดตำนาน Nissan GT-R R35 ไม่ไปต่อ เหตุไอเสียทำพิษ
Nissan GT-R R35 Farewell
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

ปิดตำนาน Nissan GT-R R35 ไม่ไปต่อ เหตุไอเสียทำพิษ

Nissan GT-R R35 อาจจะนับว่าเป็นรถสปอร์ตคาร์ระดับไอคอนนิค มาตั้งแต่ปลายยุค 2000’s และด้วยความเข้มงวดทางด้านไอเสีย ทำให้นิสสันตัดสินใจยุติรถรุ่นนี้

นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เผยว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา รถ Nissan GT-R R35 คันสุดท้าย ได้ถูกส่งออกจากสายพานการผลิตในโรงงาน เมืองโทชิกิ ปิดตำนานการผลิตกว่า 18 ปี โดยสมบูรณ์

Nissan GT-R R35 ถือเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่มีเรื่องราวน่าจดจำมากมาย ตั้งแต่ การถูกเปิดตัวรุ่น “GT-R” เป็นครั้งแรก ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูล Skyline อีกต่อไป

ตลอดจน ยังแนะนำน ขุมพลังใหม่ VR38DETT ประสิทธิภาพสูงแรงเกินตัว และยังถูกผลิตด้วย Takumi หรือช่างประกอบมากประสบการณ์ด้วยมือ แบบเครื่องต่อเครื่องอย่างปราณีต เป็นการยกระดับมาตรฐานขุมกำลังสมรรถนะสูงจากแบรนด์ญี่ปุ่นให้สูงขึ้นไปอีก

รวมถึงยังวางเลย์เอาท์ระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์วางหน้า แต่ระบบเกียร์วางหลัง อันเป็นเอกลักษณ์

ความตั้งใจแรกเริ่ม ที่ Nissan ต้องการให้มันเป็นรถสปอร์ตคาร์สไตล์ Grand Tour สมรรถนะสูง ที่สามารถไล่ตบรถซุปเปอร์คาร์ของผู้ผลิตฝั่งยุโรปได้ ในราคาไม่ไม่แรงมากนัก โดยเฉพาะช่วงแรกที่วางจำหน่าย มันถูกวางเป็นคู่ปรับ Porsche 911 GT 3 เลยทีเดียว ด้วยการเอาชนะเวลาต่อรอบจนมีชัยเหนือคู่ปรับ

จนทำให้ Nissan GT-R R35 ถูกจับตามองในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงจากยุโรปและอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆสามารถสู้กับรถไฮเปอร์คาร์อย่าง Bugatti Veyron ได้ด้วยในบางสถานการณ์ และได้สมญานามกลับมาตั้งแต่ปีแรกๆของการขายทันทีว่า “Supercar Killer”

นั่นทำให้ กระแสความนิยมของ R35 ยังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ วงการคนเล่นรถสปอร์ต/ซุปเปอร์คาร์ และวงการแต่งซิ่ง ต่อด้วยวงการภาพยนต์ที่แอบปรากฏตัวบนเฟรนไชน์หนังแอคชัน The Fast& Furious ในฐานะรถคู่ใจของ Brian O’Conner

ส่วน วงการมอเตอร์สปอร์ต ตั้งแต่ ของถนัดอย่าง เซอร์กิต ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นในงานแทร็คเดย์ ไปจนถึงระดับมืออาชีพรุ่น GT3, เวทีแดร็ก ที่เครื่องยนต์สามารถต่อยอดจนเค้นกำลังระดับ 3,000+ แรงม้า ได้สบายๆ, หรือ เวทีดริฟท์ ที่นักแข่งหลายคนก็ชื่นชอบจะนำเจ้ายักษ์คันนี้ไปใช้ พร้อมโมดิฟายขำๆระดับ “พันม้า” ไว้ส่ายตูดไปมาก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ

ซึ่งหากยังไม่พอ ในวงการวิดีโอเกมส์เอง เหล่าเกมเมอร์ก็นิยมใช้รถ GT-R R35 เป็นตัวแข่งเช่นกัน โดยเกมส์แรกสุดที่เจ้ารถรุ่นนี้ไปปรากฏตัว ก็คือเกมส์ซีรี่ย์ Need For Speed : Prostreet ซึ่งเปิดให้เกมเมอร์ได้สัมผัสกันก่อนที่งานเปิดตัวรถคันจริงจะเกิดขึ้นเสียอีก แถมยังเป็นการนำรถเข้าไปบรรจุในเกมส์ดังกล่าวถึง 2 โฉมด้วยกัน โดยมีทั้ง เวอร์ชันขายจริง และเวอร์ชันต้นแบ หรือ โปรโตไทป์อีกด้วย

ตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา Nissan GT-R R35 ได้รับการอัพเกรดสมรรถนะอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะขุมกำลัง VR38DETT ที่แรกเริ่มเดิมทีมีแรงม้าอยู่ราวๆ 480 PS ไปจนถึงระดับ 600 PS ในรุ่น Nismo, โครงสร้างตัวถังรถเองก็มีการปรับปรุงอยู่ตลอดตามยุคสมัย, และยังมีไลน์อัพยิบย่อยจนยากจะตามเก็บข้อมูลได้ไหวหากคุณไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ของรถรุ่นนี้ ก่อนจะจบลงตรงที่ตอนนี้มีรถถูกผลิตไปทั้งหมดราวๆ 48,000 คันทั่วโลกรวมถึงในไทยของเราด้วย

โดยรถคันสุดท้ายที่ถูกส่งออกจากสายพานการผลิตก่อนปิดตัวอย่างเป็นทางการ จะเป็นรุ่น Premium Edition T-Spec สี Midnight Purple ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นที่ไม่เปิดเผยตัว เพราะคงมีเหล่า Car Collector ตามจีบกันหนักแน่นอนหากได้รู้ว่ารถในมือของเขา เป็นรถ R35 คันสุดท้ายของไลน์ผลิต

สำหรับสาวกรถ GT-R ก็ไม่ต้องเสียใจไป ก่อนหน้านี้ นาย Ivan Espinosa CEO Nissan คนปัจจุบัน ระบุว่าทางแบรนด์จะมีการทำรถ GT-R เจเนอเรชันใหม่ออกมาแน่นอน แต่จะเกิดขึ้นในตอนไหน เมื่อไหร่ ยังต้องรอติดตามดูกันต่อไป เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของบริษัทคือการปลดหนี้ที่สะสมหนักให้ได้เสียก่อน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.