นอกจาก Mazda Vision-X Compact ที่นำเสนอภาพของว่าที่รถยนต์นั่งขนาดเล็กสุดของแบรนด์ ในงาน Japan Mobility Show 2025 ทางค่ายยังได้นำเสนอรถ Mazda Vision-X Coupe ที่อาจกลายเป็นรถซีดานรุ่นใหญ่สุดของพวกเขาในอนาคตอันใกล้นี้ออกมาด้วย
เช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นอื่นๆของ Mazda ท้ายที่สุดแล้ว Vision-X Coupe ก็ยังคงใช้เส้นสายการออกแบบ KODO Design อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งกระจังหน้าแบบปิดทึบทรง 7 เหลี่ยม โดยตีกรอบด้วยสันขอบกันชนด้านบน แถบไฟ DRL ด้านข้าง และช่องดักลมขนาดใหญ่ตัวจริงด้านล่าง, และยังมีดวงไฟหน้าทรงหยดน้ำ, ตามด้วยการใช้ทรวดทรงด้านข้างที่ดูโค้งมนพลิ้วไหว เพื่อเล่นกับแสงเงาที่กระทบลงบนตัวถัง
สิ่งสำคัญคือ ในขณะที่ด้านหน้ารถอาจดูแบนแหลม ทว่าแนวหลังคาตัวรถกลับมีความโก่ง และจะวาดเส้นพาดยาวไปจรดด้านท้ายรถที่ถูกปั้นเป็นทรงตูดเป็ดเล็กๆในคราวเดียว ตามคอนเซปท์ “คูเป้” แต่ก็ยังไม่ลืมวาดกรอบไฟท้ายแบบวงแหวน 2 ดวงเอาไว้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งลายเซ็นต์ของความเป็น KODO Design เช่นกัน และมีแถบไฟขนาบข้างกระจกบานท้ายอีกหน่อยเพื่อความโดดเด่น
โดยทั้งหมดทั้งมวล หลายคนอาจเข้าใจว่านี่เป็นการบอกไบ้ถึง Mazda3 รุ่นใหม่โดยเฉพาะตัว Fastback แค่ใส่ความคมบริเวณด้านหน้า กับหลังแนวซุ้มล้อด้านท้ายเข้าไป แล้วปรับกรอบไฟหน้า-ไฟท้ายใหม่แค่นั้น หรือไม่?
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวรถต้นแบบรุ่นนี้ กลับมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า Mazda6 เสียอีก กับมิติด้านยาว 5,050 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง 1,995 มิลลิเมตร, ด้านสูง 1,480 มิลลิเมตร, และระยะฐานล้อ 3,080 มิลลิเมตร
ภายในห้องโดยสาร เน้นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่หรูหรา ด้วยคอนโซลหน้าที่ราบเรียว แต่คั่นกลางด้วยชุดจอแนวนอนขนาดใหญ่ ซึ่งจะพาดตั้งแต่กลางคอนโซลไปจนถึงฝั่งผู้โดยสาร โดยที่ด้านหน้าผู้ขับจะมีหน้าจออยู่ในกรอบกลม 3 วงที่ดูสวยสง่า แม้แต่ช่วงพวกมาลัย ปุ่มแตร และคอพวงมาลัยยังดูเนี๊ยบมากจริงๆ
จากนั้นจะมีการคั่นพื้นที่ระหว่างผู้ขับกับผู้โดยสารด้วยคอนโซนกลางที่ค่อนข้างบางเฉียบและมีเพียงชุดคันเกียร์หัวบอลที่ดูเรียบง่าย ส่วนเบาะนั่งที่ดูบางเฉียบ กลับมีการออกแบบทรวดทรงให้ดูกระชับกับลำตัวผู้นั่งเป็นอย่างดี แล้วจึงบุแผงประตูกับหลังคาด้วยหนังกลับทั้งหมดเพื่อความพรีเมียม
ในด้านขุมกำลัง ทาง Mazda ระบุว่าตัวรถต้นแบบคันนี้ จะถูกออกแบบให้ขุมกำลังแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด ซึ่งใช้เครื่องยนต์โรตารีเทอร์โบ เป็นหัวใจหลัก และมีมอเตอร์มาช่วยเสริมการขับเคลื่อน ซึ่งให้กำลังสูงสุดรวมกันที่ 510 PS และสามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชาร์จ โดยยังไม่มีการบอกว่าขนาดแบตเตอรีมีความจุใดๆทั้งสิ้น
และในขณะที่แบตเตอรี่จะใช้ไฟฟ้าจากแหล่งใด ก็ขึ้นอยู่กับภาครัฐ และสถานีจะมีให้ แต่ในฝั่งเครื่องยนต์ ทาง Mazda ระบุว่าพวกเขาจะออกแบบให้มันสามารถใช้งานร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์หรือน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์อีกด้วย เพื่อให้รถมีอัตราการปล่อยมลพิษต่ำที่สุดขณะใช้งาน
ส่วนรถจะพร้อมขายจริงตอนไหน ต้องรออัพเดทกันต่อไป เพราะตอนนี้ทางค่ายยังไม่มีการเผยข้อมูลใดๆทั้งสิ้นออกมา แต่ก็ถือว่าหากรถถูกทำร่างขายจริงออกมา ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
