จากอายุการตลาดที่ผ่านเวลามาพอสมควร ทำให้ตอนนี้ Lotus Emira เริ่มถูกพูดถึงในมุมการมาของโฉมใหม่บ้างแล้ว โดยไฮไลท์สำคัญ ก็คือการปรับปรุงขุมกำลังใหม่ ให้สอดรับกับมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดขึ้น

Feng Qingfeng ประธานกรรมการบริหารคนล่าสุดของ Lotus ระบุว่า ขณะที่ทางแบรนด์ได้เริ่มวางแผนงานสำหรับรถ Lotus Emira รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ จากตัวรถรุ่นปัจจุบันเอาไว้บ้างแล้ว ว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงปี 2027 และจะมีให้เลือกทั้งรุ่นขุมกำลังสันดาปล้วน กับขุมกำลังเสริมระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเข้าไป อย่างระบบ PHEV
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในฝั่งตัวรถที่จะยังคงใช้ขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปล้วน จะไม่ใช่การใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ของ Mercedes-AMG เนื่องจากมันไม่สามารถพัฒนาให้ปล่อยมลพิษที่ดีพอจะผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro 7 ได้
และจะเป็นการใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ไร้ระบบอัดอากาศ ขนาด 3.0 ลิตร ที่เป็นของ Toyota แทน โดยทางค่ายระบุว่ามันจะได้รับการอัพเกรด ไม่ใช่แค่ในเรื่องของอัตราการปล่อยมลพิษที่น้อยลง แต่ยังรวมถึงการเรียกพละกำลังที่ดีขึ้นด้วย

ส่วนตัวรถที่จะใช้ขุมกำลัง PHEV ทางค่ายระบุว่า จะเป็นการทำงานระหว่าง มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์อีก 1 ลูก เพื่อช่วยขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 แบบ AWD ซึ่งน่าเสียดายที่ทางค่ายยังไม่ได้มีการเปิดเผยว่า เครื่องยนต์ลูกดังกล่าว จะเป็นขุมกำลังชนิดใด หรือของใคร อาจจะด้วยความที่พวกเขายังไม่สามารถยืนยันตัวเลือกที่แน่ชัดได้ในตอนนี้ แต่ก็คาดว่าจะมีการประกาศอีกครั้งภายในช่วงไม่เกินต้นปีหน้า
และเนื่องจากคอนเซปท์ในการทำรถของ Lotus คือการเน้นไปที่การควบคุม และความเบา ทำให้พวกเขาเลือกที่จะพัฒนาระบบจ่ายไฟของแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าใน Emira PHEV รุ่นใหม่ เป็นแบบสถาปัตยกรรม 900 Volt ทันทีแบบเดียวกับที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนของแบรนด์ใช้
เพื่อให้มันสามารถทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักเบา ไม่สร้างภาระให้กับรถมากเกินไป และยังทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการรอชาร์จไฟแบตฯ จาก 10%-80% มากมายนัก โดยอาจจะใช้เวลาเพียง 12 นาที เท่านั้น ตามคำบอกเล่าจากประธาน

ส่วนใครที่รอการมาของ Lotus Emira ขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน ก็ต้องขอแสดงความเสียใจล่วงหน้ากันเอาไว้ด้วย เพราะทางค่ายได้มีการเลื่อนกำหนดการเปิดตัวรถออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ ไม่ได้มีความเปรี้ยงปร้างอย่างที่คิด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากผู้ผลิตรายอื่นๆก็เผชิญปัญหาเดียวกัน
และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง จึงทำให้โปรเจ็กท์การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าโมเดลอื่นๆของแบรนด์ต้องชะลอตัวตามไปด้วย และทางค่ายก็เลือกที่จะลุยด้วยรถขุมกำลัง PHEV แทน เนื่องจากพวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่านี่จะเป็นการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย