ในขณะที่ผู้ผลิตหลายราย พากันเปิดแผนทำรถยนต์ไฟฟ้า หรือไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า Koenigsegg กลับยังคงเลือกที่จะยืนหยัดทำแต่รถสันดาปล้วนต่อไป และยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจง่ายๆในเร็ววันนี้

ท่ามกลางความเข้มงวดของข้อกำหนดด้านมลพิษที่สูงขึ้นเรื่อยๆ บวกกับความต้องการของลูกค้าหัวสมัยใหม่ที่ต้องการนำเทรนด์ด้วยเทคโนโลยีอันเป็นที่สุดของยุคอยู่เสมอ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะระดับ Mass Production หรือแม้กระทั่งในระดับ Hi-End ต่างพากันเข็นรถที่ใช้ขุมกำลังเสริมพลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแบบไฟฟ้าล้วน หรือไฮบริดก็ตาม ออกมาเรื่อยๆ อย่างเช่น Ferrari, Lamborghini หรือแม้กระทั่งคู่แข่งสายตรงอย่าง Bugatti กับ Tourbillion ก็ตาม
ถึงกระนั้น Koenigsegg ก็ยังคงเลือกที่จะทำตลาดรถไฮเปอร์ล้วนต่อไป โดยไม่ต้องกลัวปัญหาการถูกแบน เพราะข้อกฏหมายมลพิษของสหภาพยุโรป ระบุว่ารถที่ถูกผลิตเป็นจำนวนน้อยๆ จะยังคงสามารถมาพร้อมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนหลังปี 2035 ได้ (อย่างน้อยก็ตามข้อกำหนดในตอนนี้)
โดยจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อดังอย่าง Top Gear นาย Christian von Koenigsegg ได้เปิดเผยแนวคิดว่าทางบริษัทยังไม่มีแผนที่จะทำรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป เพราะเจ้าตัวมองว่าลูกค้าของพวกเขาไม่ได้ต้องการสิ่งนั้น และยังคงคาดหวัง หลงไหลในงานมาสเตอร์พีซที่ตนสามารถมีอารมณ์ร่วมกับมันได้อย่างเต็มเปี่ยมมากกว่าอย่างรถไฮเปอร์คาร์ขุมกำลังสันดาปภายในอยู่ดี
“ความต้องการในตลาดรถยนต์ระดับนี้, สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้นต่ำมาก” Christian von Koenigsegg กล่าว “ดังนั้นนั่นคือหนึ่งในแง่มุม(ที่เผยให้เห็นความเป็นจริงเกี่ยวกับตลาดรถยนต์ไฮเอนด์นี้), แต่อีกมุม, ผมได้เคยสัมผัสกับรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตนเองมาหลายปี, และก็หลงรักในอัตราการตอบสนอง, ความนุ่มนวล, และความง่ายในการใช้ชีวิตอยู่กับมัน”
“แต่, พอผ่านเวลาไปสักพัก, เมื่อคุณคือคนบ้ารถ, คุณก็อยากจะพูดคุยกับปีศาจ, ใช่มั้ยล่ะ?, คุณอยากจะมีการตอบสนอง, การถกเถียง, คุณอยากได้ได้ยินว่ามันรู้สึกยังไง และมันมีอารมณ์แบบไหนบ้าง”
“คุณอยากได้การสั่นสะเทือน, การดึงกระชาก, ความร้อน, สุ้มเสียง, และการต่อเกียร์, สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้มันมีชีวิตชีวา, ผมคงต้องบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้ามันให้ความรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์นิดๆ, แต่นี่มันมีความเป็นสัตว์มากกว่า”
“และมันก็เหมือนกับสิ่งที่แบรนด์นาฬิกาเคยผ่านมา, แน่นอน, คุณคงเคยมีนาฬิกายุค 70’s, แล้วก็มีนาฬิกาควอทซ์ ที่เข้ามาทำลายนาฬิกาแบบกลไก, แต่จากนั้นมันก็กลับมาอีกครั้งเพราะผู้คนอยากได้ของที่เป็นงานประกอบอย่างปราณีตด้วยมือมากกว่า”
“ทีนี้, (สำหรับรถไฮเปอร์คาร์ขุมกำลังสันดาปภายใน) มันก็มอบสมรรถนะที่ดีกว่าในทุกส่วนของสนามเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะมันเบากว่า, มันก็เหมือนกับคุณมีนาฬิกาจากสวิสเซอร์แลนด์ แต่อยู่ในรูปแบบของรถยนต์”
ถึงกระนั้น Christian von Koenigsegg ก็ไม่ได้ปิดตายโอกาสที่จะทำรถยนต์ไฟฟ้าโดยระบุว่า “บางทีในวันหนึ่ง (เราอาจจะทำ), ใครจะรู้, มันอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น, แต่ในตอนนี้, เรามีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่”