พึ่งจะปรับโฉมได้ไม่นานสำหรับ GWM HAVAL RAPTOR โดยปรับโฉมในรุ่นเบนซินไปแล้วคราวนี้มาถึงคิวรุ่นปลั๊กอินไฮบริด Hi4

หน้าตาใหม่ต่างจากรุ่นเบนซิน เริ่มที่กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ไส้ในเส้นแถบสีดำ 6 จุด เส้นโครเมียมแนวนอนใต้โลโก้ HAVAL ไฟหน้า LED โคมใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสจากเดิมเป็นทรงกลม 123 ดวง พร้อมไฟ LED DRL เส้นแนวนอนในตัว ให้ความสว่างไกลถึง 189 มิลลิเมตร มีแถบไฟยาว 1,088 มิลลิเมตร รับกับกันชนหน้าทรงดุดันสีดำเสริมคิ้วกันชนหน้าสีเทา

ราวหลังคาแบนเรียบเนียนเข้ากับหลังคารถพร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เท่ด้วยไฟท้าย LED แนวตั้งสีเหลี่ยมผื้นผ้าประกอบด้วยหลอด LED 300 หลอด พร้อมคิ้วป้ายทะเบียนแนวนอนในชุดกันชนหลัง ติดตราโลโก้ GWM ขนาดใหญ่ในชุดฝาครอบล้ออะไหล่ คิ้วขอบล้อสีดำออกแบบใหม่ขยายความกว้างอีก 30 มิลลิเมตร พร้อมล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 19 นิ้ว โดยตัวรถมาจากพื้นฐาน monocoque

ภายในใหม่ด้วยคอนโซลหน้าที่มีสองจอลอยตัวทั้งมาตรวัดความเร็วพร้อมจอ LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว มาพร้อมระบบปฏิบัติการ GWM’s Coffee OS 3.0 จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือแผงคอนโซลหน้า W-HUD heads-up display คอนโซลกลางออกแบบเรียบง่ายและใช้งานง่ายกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านพร้อม Paddle Shift มีเกียร์คอแทนเกียร์ด้ามในชุดคอนโซลกลาง ที่วางชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50W และลำโพง 10 จุด GWM’s Coffee AI Sound system สบายแบบ 5 ที่นั่ง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมอุ่นเบาะพร้อมเบาะนั่งตอนที่สองที่พับได้แบบ 40/60 ปรับเอนได้ 27-32 องศา และมีช่องเก็บของถึง 45 จุดรอบๆภายใน

ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด Hi4 พัฒนาใหม่ด้วยเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ใหม่เพิ่มกำลังรวมมากถึง 17% ให้กำลัง 156 แรงม้า แรงบิด 243 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ P2+P4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมอเตอร์ล้อหน้า 95 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร และมอเตอร์ล้อหลัง 204 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้ารวม 299 แรงม้า แรงบิด 510 นิวตันเมตร

เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 364 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร (เดิม 383 แรงม้า) ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ DHT 2 สปีด เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ชาร์จได้ตั้งแต่ AC และ DC โดยมี 3 ทางเลือก

• ขนาด 18.74 kWh วิ่งอีวี 105 กิโลเมตร (CLTC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.1 วินาที
• ขนาด 27.54 kWh วิ่งอีวี 145 กิโลเมตร (CLTC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.2 วินาที
• ขนาด 35.43 kWh วิ่งอีวี 200 กิโลเมตร (CLTC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.9 วินาที

มาพร้อมช่วงล่างอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทในด้านหน้าและด้านหลังแบบ 5 Link ความปลอดภัยครอบคันทั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS มาครบ 20 ฟังก์ชัน พร้อมสีใหม่สีเขียวมิ้นต์ Mint Green, สีขาว White, สีเทา Ink Grey, สีดำ Dark Night , สีบอรนซ์เงิน Cloud Grey เปิดราคาขายที่จีน 6 รุ่นย่อยเริ่มต้น 173,800-208,800 YUAN หรือราว 794,000-954,000 บาท และมีราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มที่ 153,800-188,800 YUAN หรือราว 699,000-864,000 บาท