Home » Ford Ranger Super Duty เปิดราคาออสซี่ เริ่มต้น 1.74 ล้านบาท สูงสุดเกือบ 2.1 ล้านบาท
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

Ford Ranger Super Duty เปิดราคาออสซี่ เริ่มต้น 1.74 ล้านบาท สูงสุดเกือบ 2.1 ล้านบาท

Ford Ranger Super Duty นับเป็นรถกระบะที่หลายคนให้ความสนใจ จากความจัดเต็ม เล่นใหญ่ ใส่สุดทุกอย่างลงไปบนตัวรถ เพื่อให้มันเป็นม้างานระดับพรีเมียมสุดแกร่งตั้งแต่ออกโรงงาน และแม้จะยังไม่ถึงกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการ แต่ทางค่ายก็ได้เปิดราคาสำหรับการวางจำหน่ายจริงกันแล้ว โดยประเดิมก่อนในประเทศออสเตรเลีย

Ford Australia เผยไลน์อัพพร้อมราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Ford Ranger Super Duty ที่ทางค่ายมีแผนจะวางขายจริงในถิ่นออสซี่ช่วงต้นปีหน้า โดยระบุว่ามันจะมีไลน์อัพให้ลูกค้าได้เลือกซื้อทั้งหมด 6 ไลน์อัพ และมีราคาวางจำหน่ายคือ

  • Ranger Super Duty Single-Cab Chassis – 82,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 1,741,000 บาท
  • Ranger Super Duty Super-Cab Chassis – 86,490 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 1,814,000 บาท
  • Ranger Super Duty Dual-Cab Chassis – 89,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 1,887,500 บาท
  • Ranger Super Duty Dual-Cab Pick-Up – 93,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 1,971,400 บาท
  • Ranger Super Duty XLT Dual-Cab Chassis – 95,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 2,013,300 บาท
  • Ranger Super Duty XLT Dual-Cab Pick-Up – 99,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย หรือราวๆ 2,097,000 บาท

*หมายเหตุ : ราคาของ Ford Ranger Wildtrak 3.0 Diesel Turbo ในประเทศออสเตรเลีย สนนตัวเลขที่ 74,840 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 1.57 ล้านบาท และราคาของ Ford Ranger Raptor 3.0 V6 Twin Turbo สนนตัวเลขที่ 90,440 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 1.90 ล้านบาท

ทั้งนี้ แม้จะมีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการออกมา แต่ทางค่ายกลับยังไม่ยอมเปิดเผยว่ารถในแต่ละไลน์อัพจะมีออพชันโดยละเอียดที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง

และจะมีการระบุไว้เพียวคร่าวๆเฉพาะในส่วนของตัวท็อป ที่ใช้ชื่อรหัส XLT เท่านั้น ว่ามันจะได้รับการติดตั้งออพชันอำนวยความสะดวกสบายซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานเดินทางไกลเข้ามาเยอะเป็นพิเศษ จากที่เดิมๆรถได้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานหนักเป็นหลักเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานรถได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น

เช่น การได้ชุดล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว จากที่ปกติจะเป็นล้อกระทะเหล็กเพื่อเพิ่มความสวยงาม, เบาะนั่งหุ้มหนัง พร้อมระบบทำความร้อนและระบบระบายอากาศ, พรมปูพื้นและพรมรองเท้าอย่างดี เป็นต้น

ซึ่งหากไม่พอ ทางค่ายยังมีออพชันเสริม เป็นเฉดสี Traction Green, ชุดจอฉายภาพจากกล้องมองหลังขนาด 8.9 นิ้ว แทนกระจกมองหลังแบบปกติ, แผ่นปิดกระบะ, รางสไลด์สำหรับเก็บของสัมภาระท้ายกระบะจาก Aeroklas, ระบบแบตเตอรี่สำรอง, และอื่นๆอีกมากมาย ที่ช่วยขยายขีดความสามารถในการใช้งานของรถให้สูงขึ้นจากโรงงานได้อีก

ด้านรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของตัวรถ ทางค่ายยังไม่ได้มีการเผยตัวเลขโดยละเอียดใดๆออกมา นอกจากการระบุว่าตัวรถจะมีน้ำหนักตัวถังรวมน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่ราวๆ 4,500 กิโลกรัม, น้ำหนักลากจูงสูงสุดที่สามารถทำได้อีก 4,500 กิโลกรัม หรือหากรวมน้ำหนักรถที่ต้องแบกน้ำหนักบนรถและลากจูงสัมภาระด้วย ก็จะมีขีดจำกัดที่ไม่เกิน 8,000 กิโลกรัม

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้รถสามารถรับน้ำหนักได้สูงระดับนั้น ก็จะเริ่มจากการที่ทางค่ายได้มีการปรับปรุงแชสซีย์ตัวรถใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเสริมแผ่นเหล็กเข้าไปด้านในแชสซีย์แกนกลาง, เสริมความโตของแชสซีย์ช่วงรองรับน้ำหนักจากช่วงล่าง, เพิ่มความแข็งของเหล็กแหนบด้านหลัง และยังขยายจุดยึดให้ยาวขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากความกระด้างของเหล็กแหนบที่แข็งมากๆให้น้อยลง, เสริมความแข็งแรงจุดยึดโช้คหน้าเพิ่มเติม, เปลี่ยนแป้นยึดกันชนหน้าให้หนาและใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับแรงกระแทก และรับน้ำหนักกันชนเหล็กออกโรงงาน, ขยายฐานล้อให้กว้างขึ้นเพื่อลดการโคลงตัวจากความสูงรถที่มากกว่าเดิม

และในฝั่งเครื่องยนต์ ที่แม้จะยังคงเป็นบล็อคดีเซล 3.0 ลิตร ติดเทอร์โบ กำลังสูงสุด 209 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร แบบเดียวกับ Ranger Wildtrak ทว่าชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดของตัวรถ จะถูกปรับให้ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ฝากที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งสามารถรองรับโหลดภาระหนักๆได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าเดิม และเพื่อให้รองรับกับระบบขับเคลื่อนตัวรถที่จะเป็นแบบ Full Time AWD นั่นเอง

ส่วนกำหนดการวางขายตัวรถ Ford Ranger Super Duty ในประเทศไทย ก็มีการระบุว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2026 เช่นกัน เพียงแต่อาจจะเกิดหลังจากประเทศออสเตรเลียเล็กน้อย ส่วนจะมีไลน์อัพรุ่นใดให้เลือกซื้อบ้าง ยังต้องรอติดตามข้อมูลกันต่อไป

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.