นับตั้งแต่ Ford Ranger PHEV ได้ถูกเปิดตัวออกมา หลายคนต่างก็เข้าใจว่าทางค่ายทำไว้เพื่อปูทางสู่การแก้ปัยหาเรื่องข้อจำกัดด้านมลพิษ ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่ทั้ง ใช่ และ ไม่ใช่ ในเวลาเดียวกัน

ใช่ ในทีนี้ ก็คือการที่การทำรถกระบะขุมกำลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ครั้งนี้ เป็นการทำขึ้นมาเพื่อลุยตลาดพลังงานสะอาดที่หลายภาครัฐจะเข้มงวดในเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆจริง และยังทำให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์เองก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ไม่แพ้กันด้วย โดยเฉพาะกับมาตรฐาน NVES แบบล่าสุดของรัฐบาลออสเตรเลีย ที่มีความเข้มงวดในเรื่องการปล่อยมลพิษมาก จนหลายค่ายต้องพากันปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่กันหลายรุ่น ไม่เว้นแม้แต่ทาง Ford เองก็เช่นกัน
แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียว หรือเหตุผลหลักในการพัฒนา เพราะทางผู้บริหาร Ford ระบุว่าพวกเขาได้วางแผนทที่จะททำรถ Ranger ขุมกำลัง PHEV กันก่อนที่จะมีการบังคับใช้มาตรฐานมลพิษใหม่นี้อยู่แล้ว และนั่นก็เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้นเรื่อยๆต่างหาก
“มันไม่ใช่เกมที่จำยอม (โดนข้อบังคับด้านกฏหมายเลยต้องทำ), มันคือการทำเพื่อสร้างผลงานต่างหาก” Jim Baumbick ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายงานผลิตถัณฑ์ของ Ford Global กล่าว “ที่ Ford เราต้องการให้ลูกค้าได้เลือกสิ่งที่เขาต้องการ พวกเขาจะได้เลือกสิ่งที่ใช่ กับงานที่มี”
“ความต้องการด้านกฏหมายที่ออสเตรเลียมันเปลี่ยนไปเร็วมาก, เร็วกว่ากระบวนการทำงานปกติเสียด้วยซ้ำ, แต่เราก็มีการพัฒนารถ(ที่ปล่อยมลพิษสะอาดกว่าเดิม)ไว้อยู่แล้ว, และเราจะยกระดับผลงานของเราขึ้นเรื่อยๆ”
“เราเปิดตัวมันตอนนี้ก็จริง, แต่เราไม่ได้ทำเพราะข้อกฏหมายใหม่, เราทำมันเพราะมันอยู่ในแผน เพื่อสร้างโปรไฟล์ที่มีทางเลือก”
โดย Ford Ranger PHEV ที่ขายอยู่ในประเทศออสเตรเลีย คือรถ Ranger รุ่นเดียวที่ถูกนำเข้าจากโรงงานผลิตในแอฟริกาใต้ ในขณะที่ตัวรถรุ่นอื่นถูกนำเข้าจากประเทศไทยของเรา
ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะโรงงานผลิตของ Ford ในประเทศไทย ยังไม่ได้มีการปรับไลน์ผลิตให้รองรับการทำขุมกำลังชนิดนี้ ต่างจากโรงงานในแอฟฟริกาใต้ ที่ดูเหมือนจะพร้อมที่งการหาซัพพลายเออร์ระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร EcoBoost ที่เป็นหัวใจสำคัญ ก็มีการขึ้นไลน์ผลิตในโรงงานดังกล่าวอยู่แล้ว
โดยหากขุมกำลังไฮบริดลูกนี้ ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานร่วมกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ มันก็จะสามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ราวๆ 281 แรงม้า PS ที่ 4,600 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดอีก 697 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 11.8 kWh ซึ่งระบุว่าสามารถรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดในโหมดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ 49 กิโลเมตร/ชาร์จ และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ต่ำเพียง 66 กรัม/กิโลเมตร พร้อมเคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยนที่ 34.48 กิโลเมตร/ลิตร
ทั้งนี้ Ford Ranger PHEV มีทางเลือก หรือรุ่นย่อยให้ลูกค้าได้เลือกซื้อหลากหลายช่วงมากๆ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น รหัส XLT, รุ่นแต่งหล่อนิดหน่อย รหัส Sport, รุ่นแกร่งพร้อมใช้งาน Wildtrak, และรุ่นสันทนาการอย่าง Stromtrak ซึ่งแต่ละคันก็น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีเลยทีเดียว
ข้อมูลจาก : CarExpert