แม้จะพึ่งมีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไป แต่มันกลับไม่ได้ช่วยกระตุ้นยอดขายของ Toyota Corolla Cross เท่าไหร่นักในโซนยุโรป ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น กลับดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะมันถูกคู่แข่งโจมตีหนัก หรือออพชันน้อยเกิน ทว่ากลับเป็นเพราะหน้าตาของมัน ที่ดูจะไม่ถูกจริตลูกค้าเท่าไหร่นักแทน

จากข้อมูลยอดขายในยุโรปช่วง 4 เดือนแรกของปี เผยให้เห็นว่ารถ Toytoa Corolla Cross สามารถทำตัวเลขไปได้ทั้งสิ้น 11,259 คัน ซึ่งอาจจะมากพอที่จะทำให้มันสามารถคว้าอันดับ 25 ในบรรดารถยนต์ที่มีขายในยุโรปช่วงเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นตัวเลขที่ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 14 เปอร์เซ็นต์
ในขณะเดียวกันรถครอสโอเวอร์อย่าง Toyota C-HR กลับสามารถทำยอดขายไปมากถึง 41,950 คันในช่วงเวลาเดียวกัน แถมยังเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ 9.6% อีก แม้ว่ามันจะใกล้ช่วงเวลาในการปรับโฉมใหญ่เหมือนกันก็ตาม
จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Automotive News นาย Andrea Carlucci หัวหน้าฝ่ายงานวางแผนผลิตภัณฑ์และการตลาดของ Toyota Europe ให้การยอมรับว่า Corolla Cross จำเป็นต้องมีการปรับงานดีไซส์ใหม่ให้มีความจัดจ้านมากขึ้น เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เยอะกว่าเดิม
“เราไม่ได้มีรถ Corolla Cross ที่สมบูรณ์สำหรับตลาดยุโรป, มันคือรถที่เกิดมาเพื่อตลาดโลก” Carlucci กล่าว “ถ้าเราทำรถที่ดีไซน์จัดจ้านมากขึ้นสำหรับยุโรป, ยอดขายก็จะดีขึ้น”
ถึงกระนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าการให้ข้อมูลครั้งนี้ จะเป็นการบอกไบ้ว่า Corolla Cross จะมีรุ่นใหม่ หน้าตาใหม่ออกมาในเร็วๆนี้ และด้วยความที่ตัวรถถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA โดยมีเป้าหมายคือให้มันเป็นรถแบบ Global Model
ดังนั้น แม้ Toyota Europe จะอยากให้รถมีความเซ็กซี จัดจ้าน หรือมีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้นแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้มากเกินไปกว่าแค่การเปลี่ยนชิ้นส่วนเปลือกนอกเล็กๆน้อยๆใหม่ก็เท่านั้น ซึ่งมันก็คงไม่ช่วยเท่าไหร่นัก เพราะสุดท้ายรูปทรงตัวรถก็ยังคงไม่ถูกใจลูกค้าชาวยุโรปอยู่ดี
“กุญแจสำคัญก็คือ Toyota ทำแพลตฟอร์ม TNGA ขึ้นมาเพื่อให้แต่ละภูมิภาคได้พัฒนาตัวถังข้างบนขึ้นมา” Carlucci กล่าวเสริม “รถจำเป็นต้นทำในแบบที่คนยุโรปต้องการ, ไม่ใช่รถผสมระหว่างความต้องการของลูกค้าสหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่นบ้าง”
โดยตอนนี้ Toyota Corolla Cross พึ่งจะมีอายุการตลาดเพียงแค่ 5 ปี ซึ่งหมายความว่าตอนนี้พึ่งจะอยู่ในช่วงกลางอายุเท่านั้น ยังไม่ถึงกับช่วงปลายอายุตัวถังจ๋าๆ จึงทำให้หากทาง Toyota Europe ต้องการสร้างให้มันมีความโฉบเฉี่ยว ถูกใจลูกค้าในภูมิภาคจริงๆ พวกเขาก็จะต้องรอกันอีกพักใหญ่ อย่างน้อย 2-3 ปี จนกว่าจะถึงกำหนดปรับโฉมใหญ่ของตัวรถรุ่นนี้อีกทีนั่นเอง