จากกรณีข่าวลือที่ระบุว่าโรงงาน BYD มีสวัสดิการในการดูแลพนักงานไม่เหมาะสมนักเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทำให้คณะกรรมาธิการความมั่นคงลงตรวจสอบพื้นที่ และยังพบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า โรงงานในจังหวัดระยองแห่งนี้ แทบไม่ได้ใช้วัสดุก่อสร้างใดๆจากประเทศไทยเลย แต่เป็นชิ้นส่วนที่นำเข้ามาจากประเทศจีนเกือบ 100%

จากการลงพื้นที่โรงงานผลิตรถยนต์ของ BYD ในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ของ นาย ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ร่วมกับกรรมาธิการความมั่นคง นาย รังสิมันต์ โรม และ นาย ท๊อป ชุติพงศ์ ส.ส. ระยอง พร้อมพาทั้งผู้แทนจากหน่วยงาน BOI, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงพาณิชย์, รองผู้ว่าระยอง และหอการค้า จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบความเป็นอยู่ของพนักงานในโรงงาน และความเรียบร้อยของโรงงานตาม “สัญญาส่งเสริมการลงทุน” ที่ BOI ลงนามเซ็นต์กับ BYD
นาย ศุภณัฐ กลับพบว่า “ของแทบทุกชิ้น” ที่ใช้ในโรงงานแห่งนี้ ถูกนำเข้าจากจีนทั้งหมด ทั้งอุปกรณ์ เครื่องจักร ผนัง พื้น ประตู ยัน ชักโครกห้องน้ำ สายไฟ ปลั๊กไฟ ลูกบิดประตู หรือแม้กระทั่ง ที่กั้นโถฉี่ โดยที่ข้าวของเครื่องใช้หลายอย่างไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย อาทิ มอก. เพื่อการใช้งานในไทย เพราะเป็นสินค้าจีนที่ไม่ได้มีไว้ใช้งานในไทยมาตั้งแต่แรก
นอกจากนี้ นาย ศุภณัฐ ยังระบุอีกว่า จากการตรวจสอบเอกสารสัญญาการลงทุนระหว่าง BYD กับ BOI ก็ยิ่งเผยให้เห็นช่องโหว่ ที่ทำให้ทางบริษัทผู้ผลิตสัญชาติจีน สามารถใช้วัสดุและข้าวของเครื่องใช้ภายในโรงงานจากประเทศจีนได้อย่างเต็มที่
เพราะตัวเอกสารระบุแค่งบประมาณการลงทุน และไม่ได้มีการกำหนดว่าทางบริษัทต้องซื้อของไทยในการก่อสร้างโรงงานเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีการฟรีภาษีนิติบุคคล รวมถึงยกเว้นภาษีนำเข้าศุลกากรในการสร้างโรงงาน อีก
นั่นจึงเท่ากับว่า แม้ตามข้อมูลในสัญญา BOI จะระบุว่าทาง BYD ต้องลงทุนสร้างโรงงานในไทยร่วมหมื่นล้านบาทจริง แต่ก็ดูเหมือนว่างบประมาณที่ใช้ในการสร้างนี้ มีแค่เจ้าของที่ดินในนิคมเท่านั้น ที่ได้รับเงินจากทางแบรนด์ เพราะต้องซื้อที่ดินต่อเป็นจำนวน 600 ไร่ เพื่อก่อตั้งโรงงาน ในมูลค่าไร่ละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงินราวๆ 2,400 ล้านบาท
นอกนั้นเม็ดเงินอีกเกือบ 8,000 ล้านบาท ก็ดูเหมือนจะวนกลับไปสู่คนจีนเช่นเดิม เพราะ ชิ้นส่วนก่อสร้างต่างๆ แรงงานต่างๆ เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับการใช้งานในโรงงาน ล้วนเป็นของที่นำเข้ามาจากประเทศจีนแทบทั้งหมด โดยไม่ได้มีการกระจายเม็ดเงิน หรือตกมาถึงคนไทยเลยแม้แต่น้อย ในส่วนของการก่อสร้างโรงงานหลักหมื่นล้านบาทนี้
และดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้เม็ดเงินรั่วไหลกลับไปสู่ประเทศจีนมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ เพราะมีบริษัทอื่นตัดสินใจขอแบ่งซื้อที่ดินจาก BYD อีกที ด้วยมูลค่าไร่ละ 8-10 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งกำไรนั้นก็จะตกเป็นของทางบริษัทสัญชาติจีนอยู่ดี
โดย นาย ศุภณัฐ ยังตั้งข้อสงสัยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกว่า เหตุใดทางรัฐบาล จึงต้อง “ลด แลก แจก แถม” เพื่อให้ผู้ผลิตต่างชาติที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ BYD เข้ามาร่วมลงทุนในประเทศไทยขนาดนี้ จนถึงขนาดที่ประเทศไทบ แทบไม่ได้อะไรจากผู้ผลิต ในขั้นตอนของการก่อตั้งโรงงานเลย ทั้งที่มันควรจะมีบ้าง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ
และยังสงสัยว่า หรือเป็นเพราะแรงงาน และบุคลากรในบ้านเรา รวมถึงเหล่าผู้ผลิตต่างๆ มีศักยภาพที่จะดึงดูดเหล่าผู้ผลิตไม่มากพอ พร้อมระบุว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ทางรัฐบาลก็ควรที่จะส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาบุคลากรในส่วนนี้เพิ่มเติมหรือไม่ โดยเริ่มจากการให้ความสำคัญกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ทางฝั่ง นาย รังสิมันต์ โรม ตัวแทนจากกรรมาธิการความมั่นคง ก็ได้มีการเปิดเผยถึงการร่วมสังเกตการณ์ ณ โรงงานของ BYD ครั้งนี้ ว่า จุดประสงค์หลักของการมาโรงงานในครั้งนี้ ก็เพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานไทยในโรงงาน และยังรวมถึงการเจรจาเพื่อขอให้ทางบริษัทเพิ่มสัดส่วนของ Local Content (เครื่องจักร และชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตรถ) ในสายการผลิต ให้มากขึ้น รวมถึงการถ่ายทอดทักษะและเทคโนโลยีให้กับไทยตามข้อตกลง BOI
ซึ่งทางผู้บริหารโรงงานได้ยอมรับถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงานร่วมกันกับแรงงานไทยและได้รับปากว่ากำลังหาทางปรับวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยทางคณะฯ จะรวบรวมข้อเท็จจริงที่ได้รับในเพื่อกลับไปพิจารณาและติดตามประเด็นนี้ต่อไป