Home » Harley-Davidson เปิดตัว Cruiser Series ใส่ขุมกำลัง 117 พร้อมอัพเทคฯใหม่ยกตระกูล
ข่าวสารยานยนต์ คอมอเตอร์ไซค์

Harley-Davidson เปิดตัว Cruiser Series ใส่ขุมกำลัง 117 พร้อมอัพเทคฯใหม่ยกตระกูล

ปี 2025 นับกลายเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญของ Harley-Davidson เมื่อถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องปรับโฉมเหล่ารถมอเตอร์ไซค์ในตระกูล Cruiser ครั้งใหญ่ พร้อมติดตั้งขุมกำลังลูกใหม่เข้าไป แล้วยังใส่ออพชันเทคโนโลยีเพื่อความทันสมัยเข้าไปอีกมากมาย

ก่อนทำความรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ๆ สิ่งแรกที่ทุกคนต้องทำความรู้จักก่อนเกี่ยวกับเหล่ารถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson® ตระกูล Cruiser รุ่นปี 2025 คือเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะถูกติดตั้งลงไปบนรถมอเตอร์ไซค์เหล่านี้ โดยจะมีทั้งหมด 3 เวอร์ชันด้วยกัน คือ

  • MILWAUKEE-EIGHT™ 117 CLASSIC (สำหรับรุ่น Street Bob™ และ Heritage Classic) เครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับจูนให้มีแรงบิดที่เรียบเนียนต่อเนื่อง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง เน้นความง่ายในการควบคุม เสียงเครื่องยนต์โดดเด่นด้วยปลายท่อเดี่ยว และแอร์คลีนเนอร์ทรงกลมแบบดั้งเดิม ให้ประสบการณ์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson

    โดยรุ่นนี้ให้แรงบิดสูงสุดที่ 163 นิวตันเมตร (120 ปอนด์-ฟุต) ที่ 2,750 รอบ/นาที และกำลังสูงสุด 98 แรงม้า (73 กิโลวัตต์) ที่ 5,020 รอบ/นาที ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 114 รุ่นก่อนถึง 4% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 1 ปอนด์-ฟุต (ตามสเปกสหรัฐฯ) พร้อมระบบไอเสียแบบ 2-ออก-1 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายไอเสียจากห้องเผาไหม้ได้ดีขึ้น
  • MILWAUKEE-EIGHT™ 117 CUSTOM (สำหรับรุ่น Fat Boy™ และ Breakout™) ได้รับการปรับจูนเพื่อเน้นพลัง และแรงบิดที่เร้าใจ โดยมอบกำลังสูงสุดถึง 103 แรงม้า (78 กิโลวัตต์) ที่ 5,020 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 171 นิวตันเมตร (126 ปอนด์-ฟุต) ที่ 3,000 รอบ/นาที ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์รุ่น Classic ถึง 6% ในด้านพลังและ 5% ในด้านแรงบิด (ตามสเปกสหรัฐฯ) เมื่อเปรียบเทียบกับ Fat Boy 114 รุ่นปี 2024 เครื่องยนต์นี้ให้กำลังเพิ่มขึ้นถึง 11% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 6%

    โดยมาพร้อมระบบไอเสียแบบ 2-ออก-2 แยกท่ออิสระ พร้อมหม้อกรองแยกเฉพาะในแต่ละท่อ ช่องอากาศขนาด 4 ลิตร ใหญ่กว่ารุ่นเดิมถึง 50% ช่วยเพิ่มการไหลเวียนอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ เสียงระบบไอดีลดลงอย่าง
    มีนัยสำคัญ ทำให้เสียงท่อไอเสียโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
  • MILWAUKEE-EIGHT™ 117 H.O. (HIGH OUTPUT) (สำหรับรุ่น Low Rider™ S และ
    Low Rider™ ST) ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะในรอบสูง พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดัน รุ่นนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 114 แรงม้า (85 กิโลวัตต์) ที่ 5,020 รอบ/นาที และแรงบิด 174 นิวตันเมตร (128 ปอนด์-ฟุต) ที่ 4,001 รอบ/นาที

    เพิ่มขึ้นถึง 11% จากเครื่องยนต์ 117 รุ่นก่อนหน้า ที่ใช้ใน Low Rider S และ Low Rider ST รุ่นปี 2024

โดยทั้งหมดจะทำงานร่วมกับระบบเกียร์ 6 สปีด คลัทช์มือ ที่ได้รับการปรับปรุงชุดกลไกกระปุกเกียร์ใหม่ เพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลขึ้น แม่นยำมากขึ้น และน้ำหนักคลัทช์เบาลงกว่าเดิม

และด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ทำให้คราวนี้ตัวรถจะได้รับการติดตั้งชุดคันเร่ง และลิ้นเร่งไฟฟ้า พร้อมโหมดการขับขี่อีก 3 รูปแบบ เพื่อความเหมาะสมในการใช้งาน ทั้ง Rain, Road, และ Sport

ขณะที่ระบบความปลอดภัย ก็ใส่มาให้ทั้ง ระบบควบคุมแรงบิดหน่วงจากเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้ล้อหลังล็อคกระชากจนรถเสียอาการ ขณะถอนเกียร์ตอนรอบเครื่องยนต์สูงๆ, ระบบควบคุมการลื่นไถลทั้งตอนวิ่งบนทางตรงและขณะเข้าโค้ง (TCS/C-TCS), และระบบป้องกันล็อคล็อคขณะเบรกทั้งบนทางตรงและขณะเข้าโค้ง (ABS/C-ABS)

และท้ายสุด ตัวรถทุกรุ่น จะได้รับการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ โดยเฉพาะตัวโช้กหลังที่มีการเพิ่มฟังก์ชันการปรับพรีโหลด และความหนืดในการยืดยุบตัวเข้ามา เพื่อให้รถมีความคล่องตัวขณะเข้าโค้งมากขึ้น แต่ยังคงให้ความนุ่มนวลในการซับแรงได้เป็นอย่างดี

โดยตัวรถ Harley-Davidson ตระกูล Cruiser รุ่นปี 2025 ที่เผยโฉมออกมา จะมีรายละเอียดการตกแต่งใหม่ดังนี้

2025 Harley-Davidson® Heritage Classic พร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้น 1,136,000 บาท

รถรุ่น Heritage Classic ปี 2025 คือ Cruiser อเมริกันในอุดมคติ ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์สุดวินเทจ
ในสไตล์ร็อกแอนด์โรล แม้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายความคลาสสิก แต่ Heritage Classic ปี 2025 ก็พัฒนามาเพื่อผู้ขับขี่ยุคใหม่ โดยรุ่นปรับโฉมนี้ ยังคงดีไซน์เหนือกาลเวลาของ Harley-Davidson ตระกูล Cruiser
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์ยุค 1950s ไว้ได้อย่างครบถ้วน

หัวใจหลักของ Heritage Classic รุ่นปี 2025 คือเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 117 Classic V-Twin
รุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการปรับจูนเพิ่มแรงบิดรอบต่ำที่ทรงพลัง และการเร่งที่นุ่มนวลมั่นใจ ไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือออกเดินทางไกลในช่วงสุดสัปดาห์ ระบบไอเสียแบบใหม่ 2-ออก-1 และระบบไอดีรุ่นใหม่ ช่วยเติมเต็มสมดุลระหว่างดีไซน์คลาสสิกตามแบบฉบับดั้งเดิม และสมรรถนะทันสมัยได้อย่างลงตัว

  • เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Classic รุ่นใหม่
  • ท่อไอเสียเดี่ยวดีไซน์ใหม่ ช่วยให้กระเป๋าข้างดูสมมาตรลงตัว พร้อมความจุที่เพิ่มขึ้นในกระเป๋าด้านขวา กระเป๋าทั้งสองข้างสามารถปิดสนิทและล็อกได้ ความจุสัมภาระรวมอยู่ที่ 45 ลิตร
    (1.6 ลูกบาศก์ฟุต)
  • ลายเส้น Pinstripe (Paint Trajectory Pinstriping) ดีไซน์ใหม่ มีให้เลือกทุกเฉดสี รวมถึงสีแบบ
    ทูโทน Whiskey Fire ตัดกับ Vivid Black โดดเด่นด้วยลาย “Scallop” สไตล์ย้อนยุคบริเวณถังน้ำมัน และลายแยกบนบังโคลนหน้า-หลัง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ในยุค 1930s และ 1950s เสริมความคลาสสิกไปอีกระดับด้วยโลโก้ถังน้ำมันโครเมียมทรงเพชร พร้อมพื้นหลังลายรัศมีสีฟ้าแบบอะคริลิก ที่สะท้อนถึงตราสัญลักษณ์สุดคลาสสิกของ Harley-Davidson
    ในช่วงปลายยุค 1950s
  • งานตกแต่งใหม่ผสมผสานโทนดำ และโครเมียม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Heritage ในอดีต
    โดยใช้โทนดำในส่วนของท่อไอเสีย คอนโซล ล้อหน้า-หลัง โช้คอัพบน-ล่าง แฮนด์บาร์ และด้านล่างของชิลด์หน้า ส่วนเครื่องยนต์เป็นสีดำพร้อมครีบระบายความร้อนแบบปาดเงา ฝาครอบวาล์วและฝาครอบเครื่องใช้โครเมียม รวมถึงฝาครอบกรองอากาศแบบโครเมียม (ไม่มีตัวเลือกโครเมียมเต็มคันสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2025)
  • ล้อแม็กหล่อ 9 ก้านสีดำดีไซน์ใหม่ ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
  • ล้อซี่ลวดแบบไม่ใช้ยางใน ดีไซน์แบบวินเทจที่มาพร้อมความสะดวกแบบใหม่ รองรับระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) และช่วยลดน้ำหนักจากการไม่ต้องใช้ยางในแบบล้อซี่ลวดดั้งเดิม
  • ชิลด์หน้าขนาดเต็มแบบถอดได้ พร้อมดีไซน์ช่วงล่างสีเข้ม เสริมความคลาสสิกและปกป้องลมขณะขับขี่

2025 Harley-Davidson® Street Bob พร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้น 889,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์ Street Bob มีน้ำหนักเบาและปราดเปรียว เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยพลังจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Classic รุ่นใหม่ รถมอเตอร์ไซค์ Cruiser ทรงเพรียวคันนี้ช่วยให้ควบคุมรถ
ได้คล่องตัว พร้อมมอบพลังขับเคลื่อนที่เกินขีดจำกัดและดีไซน์อันดุดัน ตั้งแต่แฮนด์บาร์ทรง mini apes
จนถึงบังโคลนหลังแบบตัด รถมอเตอร์ไซค์ Street Bob เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่รวมไว้ทั้งสไตล์ สมรรถนะ และความขับขี่ที่ลงตัวในคันเดียว

  • เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Classic รุ่นใหม่  
  • มาพร้อมโลโก้ถังน้ำมันแบบ “Stretched Diamond” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานต้นฉบับของ Willie G. ในปี 1966 แทนที่กราฟิกแบบ wet-slide เดิม เสริมความโดดเด่นด้วยงานตกแต่งโครเมียมเงาบนท่อไอเสีย, ฝาครอบกรองอากาศ, ฝาวาล์ว และฝาครอบเครื่องยนต์ ผสมผสานกับชิ้นส่วน
    โทนดำด้านอย่างโครงยึดบังโคลนหลัง, ขอบล้อ, แฮนด์บาร์ และโคมไฟหน้า เพื่อให้ได้ลุค
    ที่ทั้งคลาสสิก และร่วมสมัย
  • ล้อซี่ลวดแบบไม่ใช้ยางใน ดีไซน์แบบวินเทจที่มาพร้อมความสะดวกแบบใหม่ รองรับระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) และช่วยลดน้ำหนักจากการไม่ต้องใช้ยางในแบบล้อซี่ลวดดั้งเดิม
  • ล้อมาตรฐานแบบ Annihilator ล้อหล่ออะลูมิเนียมเคลือบสีดำ
  • ถังน้ำมันเพรียวบางขนาด 3.5 แกลลอน
  • บังโคลนหลังดีไซน์สั้นสไตล์ Chopped
  • เบาะนั่งเดี่ยว พร้อมเบาะเสริมสำหรับผู้ซ้อน
  • แฮนด์บาร์ทรง Mini-ape ยกสูง พร้อมปะทะลมขณะขับขี่

2025 Harley-Davidson® Fat Boy พร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้น 1,272,000 บาท

นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1990 Harley-Davidson Fat Boy ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง
จิตวิญญาณอันทรงพลังของรถสองล้อ และในปี 2568 อันเป็นวาระครบรอบปีที่ 35 ของรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานรุ่นนี้ Harley-Davidson ได้อัปเกรดดีไซน์ และสมรรถนะ โดยยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณดั้งเดิมของ

แบรนด์ และภาพลักษณ์ในวัฒนธรรมป๊อป รวมถึงความเป็นไอคอนสายคัสตอมสุดโดดเด่น ด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดัน ล้อ Lakester™ และโครงไฟหน้าแบบเฉพาะตัว ทำให้ Fat Boy ยังคงเป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์สุดทรงพลังและโดดเด่นที่สุดในไลน์อัพของ Harley-Davidson

  • เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Custom รุ่นใหม่
  • มาพร้อมกับเฉดสี และกราฟิกใหม่ โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์โครเมียมบนถังน้ำมัน ดีไซน์ดาวตรงกลางและปีกพาดท้าย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Fat Boy โดยเฉพาะ พร้อมเพิ่มลายเส้นและเฉดสี
    แบบทูโทนใหม่ล่าสุด และสร้างความสะดุดตาด้วยคู่สีตัดกันระหว่าง Vivid Black และ Whiskey Fireนอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมโครเมียมเงางามในหลายจุด เช่น ท่อไอเสีย โครงบังโคลนหลัง ฝาครอบเครื่องยนต์และ Rocker Box คอนโซลถังน้ำมัน ฝาครอบกรองอากาศ
  • ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (หน้า 160/60R18, หลัง 240/40R18) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และการควบคุมรถ
  • ล้อหล่ออะลูมิเนียมดีไซน์พิเศษแบบ Lakester ตอกย้ำความแข็งแกร่ง และพลังของตัวรถ
  • บังโคลนหน้าหลังแบบตัดสั้น ช่วยให้ขนาดยางดูโดดเด่น สร้างภาพลักษณ์ที่หนักแน่น และสะดุดตายิ่งขึ้น

2025 Harley-Davidson® Breakout พร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้น 1,262,000 บาท

ด้วยสไตล์ชอปเปอร์ทรงยาว และเพรียวบาง Breakout คือรถมอเตอร์ไซค์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังกว่าใคร
บนท้องถนน ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 แบบ Custom อัดแน่นด้วยแรงบิด
ส่งพลังตรงสู่ยางหลังขนาดใหญ่ 240 มม. ซึ่งอวดโฉมผ่านบังโคลนท้ายทรง bobtail ไม่ว่าโลดแล่นไปที่ไหน Breakout ก็จะสะกดทุกสายตา และฝากความประทับใจไว้ไม่รู้ลืม

  • เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Custom รุ่นใหม่  
  • ไฟหน้าใหม่แบบทรงกลมขนาด 5.75 นิ้ว มาแทนไฟหน้าทรงรีแบบเดิม เพิ่มลุคที่เฉียบคม
    และคลาสสิกยิ่งขึ้น
  • สี และกราฟิกใหม่ มาพร้อมลวดลายโลโก้ Bar and Shield แบบโมโนโครมลายจางบนถังน้ำมัน
    เสริมความเรียบหรูและเท่ในสไตล์ Ghosted & Faded โดยชิ้นส่วนที่ตกแต่งด้วยโครเมียมประกอบด้วย ท่อไอเสีย ฝาครอบด้านข้าง คอนโซลถังน้ำมัน โครงบังโคลนหลัง ฝาครอบกรองอากาศ กระจกมองข้าง ตัวโคมไฟหน้า
  • ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (หน้า 130/60B21, หลัง 240/40R18) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการ
    ขับขี่ และการควบคุมรถ
  • ล้อหล่ออะลูมิเนียมแบบ 26 ซี่ เคลือบสีดำเงา Gloss Black กลึงหน้าเคลือบสีเงินโลหะเสริมความ
    โดดเด่น
  • แฮนด์บาร์สแตนเลสทรง Drag พร้อมตัวยกแบบ Pull-back ยกระดับทั้งสไตล์และการควบคุม
    ให้ท่าทางการขับขี่ที่พอดีกับผู้ขับ
  • บังโคลนหลังแบบตัดสั้น (Bobbed) โชว์ยางหลังให้ดูดุดันและเต็มตายิ่งขึ้น
  • มุมองศาโช้คหน้า 36 องศา เติมเต็มสไตล์ชอปเปอร์แบบ Raked-out ให้กับรถมอเตอร์ไซค์  

2025 Harley-Davidson® Low Rider S  พร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้น 1,171,000 บาท

Low Rider S คือ รถมอเตอร์ไซค์สุดยอดสมรรถนะ ออกแบบมาเพื่อนักขับขี่ที่มองหารถมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับขุมพลังเหนือขีดจำกัด ดีไซน์โดดเด่นถ่ายทอดไลฟ์สไตล์แบบ West Coast
มาเต็มพิกัด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 H.O. ที่ให้สมรรถนะดุดันเหนือขีดจำกัด

  • เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 H.O. รุ่นใหม่  
  • ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมลวดลาย LED ที่ให้ความสว่างเพิ่มขึ้น
  • ตกแต่งภายนอกแบบปรับโฉมใหม่ พร้อมดีเทลสีแดง Performance Red บนฝาครอบกรองอากาศ,
    ฝาไทม์เมอร์, คลัตช์, derby cover และโลโก้ Bar & Shield บนกระเป๋าข้าง ล้อหล่ออะลูมิเนียม Radiate สีดำมาแทนล้อสีบรอนซ์แบบเดิม
  • โช้คหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับส่วนหน้าของตัวรถ ทำให้การตอบสนองต่อการควบคุมพวงมาลัยดียิ่งขึ้น ระบบโช้กเดี่ยวด้านหลังที่ยกสูง ช่วยเพิ่มองศาการเอียงขณะเข้าโค้ง และยกระดับสมรรถนะในการขับขี่แบบสปอร์ตอย่างมั่นใจ
  • ดิสก์เบรกคู่ด้านหน้าขนาด 300 มม. มอบพลังเบรกที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์ผู้ขับขี่สายดุดันโดยเฉพาะ
  • ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (ล้อหน้า 110/90B19, ล้อหลัง 180/70B16) เพิ่มทั้งความมั่นใจ
    ในการขับขี่ และการควบคุมรถที่เฉียบคมยิ่งขึ้น
  • แฟริ่งหน้าขนาดเล็กแบบเข้าชุดสีตัวรถ กรอบล้อมรอบไฟหน้า ช่วยลดแรงลมเมื่อขับด้วยความเร็ว
    บนทางหลวง
  • เบาะนั่งเดี่ยวทรงลึก ช่วยยึดผู้ขับให้อยู่กับที่ในช่วงเร่งเครื่องหรือเข้าโค้งอย่างมั่นใจ
  • แฮนด์มอเตอร์ไซค์ขนาด 1 นิ้ว ติดตั้งบนตัวยกแบบ Pull-back สูง 4 นิ้ว สไตล์ Club Bike ที่ช่วยให้ท่าทางการขับขี่ดูดุดันหนักแน่นยิ่งขึ้น

2025 Harley-Davidson® Low Rider ST พร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้น 1,269,000 บาท

รถมอเตอร์ไซค์สายสปอร์ตทัวร์ริ่งที่มาพร้อมกับสไตล์ Harley-Davidson อย่างแท้จริง โดยรถรุ่น
Low Rider ST  เหมาะกับการขับขี่ท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V-Twin
สไตล์อเมริกัน สำหรับนักขับขี่ที่หลงใหลสไตล์ West Coast แบบเรียบง่ายเฉียบคม ทรงพลังและพร้อมจะออกเดินทางไปในทุกที่

  • เครื่องยนต์ MilwaukeeEight 117 H.O. รุ่นใหม่  
  • ท่อไอเสียเดี่ยวดีไซน์ใหม่ ช่วยให้กระเป๋าข้างดูสมมาตรลงตัว พร้อมความจุที่เพิ่มขึ้นในกระเป๋าด้านขวามาพร้อมกับทรงสวยแบบเปลือกหอย Clamshell  สามารถล็อกได้ ถอดและติดตั้งได้ง่าย ติดตั้งไว้บนตำแหน่งสูงเหนือท่อไอเสียเพื่อเสริมลุคสุดยอดสมรรถนะของรุ่น Low Rider ST
    โดยมีความจุสัมภาระรวมทั้งสองข้าง: 56.6 ลิตร (2.0 ลูกบาศก์ฟุต)
  • ตกแต่งภายนอกแบบปรับโฉมใหม่ พร้อมดีเทลสีแดง Performance Red บนฝาครอบกรองอากาศ,
    ฝาไทม์เมอร์, คลัตช์, derby cover และโลโก้ Bar & Shield บนกระเป๋าข้าง ล้อหล่ออะลูมิเนียม Radiate สีดำมาแทนล้อสีบรอนซ์แบบเดิม
  • Chrome Trim Option เพิ่มทางเลือกตกแต่งด้วยโครเมียมเงางามบนล้อ Radiate, ท่อไอเสีย,
    ฝาครอบกรองอากาศ, ฝา Rocker, ฝาไทม์เมอร์, คลัตช์ และ derby cover, โลโก้กระเป๋าข้าง, แฮนด์, ตัวยกแฮนด์, คอนโซล และกระจกมองข้าง ชุดแต่งโครเมียมยังมาพร้อมกราฟิก “ปีก”
    บนถังน้ำมันแบบ wet-slide ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Tour Glide™ ปี 1981
  • ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมลวดลาย LED ที่ให้ความสว่างเพิ่มขึ้น
  • โช้คหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงด้านหน้าของรถ และตอบสนอง
    การควบคุมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ระบบโช้กเดี่ยวด้านหลังที่ยกสูง ช่วยเพิ่มองศาการเอียงขณะเข้าโค้ง และยกระดับสมรรถนะในการขับขี่แบบสปอร์ตอย่างมั่นใจ
  • ดิสก์เบรกคู่ด้านหน้าขนาด 300 มม. มอบพลังเบรกที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์ผู้ขับขี่สายดุดันโดยเฉพาะ
  • ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (หน้า 110/90B19, หลัง 180/70B16) เพิ่มทั้งความมั่นใจในการขับขี่และการควบคุมรถที่เฉียบคมยิ่งขึ้น
  • แฟริ่งติดเฟรม ได้แรงบันดาลใจจากแฟริ่งรุ่นคลาสสิก FXRT Sport Glide™ ซึ่งได้รับความนิยมจากสายคัสตอมฝั่ง West Coast ช่องลมแบบช่องเดี่ยวและช่องแยกแบบ Softail Cruiser ช่วยลดแรงปะทะของลมที่หมวกกันน็อกขณะขับขี่ด้วยความเร็วบนทางด่วน
  • เบาะนั่งเดี่ยวทรงลึก ช่วยยึดผู้ขับให้อยู่กับที่ในช่วงเร่งเครื่องหรือเข้าโค้งอย่างมั่นใจ
  • แฮนด์มอเตอร์ไซค์ขนาด 1 นิ้ว ติดตั้งบนตัวยกแบบ Pull-back สูง 4 นิ้ว สไตล์ Club Bike ที่ช่วยให้ท่าทางการขี่ดูดุดันและแน่นหนามากยิ่งขึ้น
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.