ขณะที่ในประเทศจีน ทาง Toyota เลือกขยายไลน์อัพรถยนต์ในตระกูล “bZ” มากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในสหรัฐอเมริกา กลับดูเหมือนว่าพวกเขาจะเลือกทำตลาดตัวรถเพียงรุ่นเดียว และเลือกให้มันใช้ชื่อ “bZ” โล้นๆไปเลยอยู่คันเดียว

Toyota bZ4X ได้รับการปรับโฉมใหม่แล้วเช่นกันในสหรัฐอเมริกา โดยคราวนี้ Toyota USA ยังได้มีการปรับชื่อสำหรับการทำตลาดของมันใหม่เป็น “Toyota bZ” นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดการตกแต่งใหม่ให้แตกต่างจากตัวรถในประเทศอื่นๆด้วย
ก่อนอื่น ในส่วนงานออกแบบภายนอกตัวรถ จะเห็นได้ว่ามันมีความแตกต่างไปจาก Toyota bZ4X รุ่นดั้งเดิม ในส่วนของกันชนหน้าที่มีการปรับเส้นสันใหม่ ให้ดูเหลี่ยมขึ้น, ปรับกรอบช่องดักลมด้านล่างใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม, ปรับชายล่างกันชนหน้าให้เป็นแบบตัดยางตลอดแนวกันชนด้านล่าง ไม่ได้เชื่อมต่อเส้นด้านข้างกับชิ้นแก้มซุ้มล้ออีกต่อไป, เปลี่ยนช่อดักลมด้านข้าง ให้มีกรอบไฟตัดหมอกเพิ่มขึ้น, ปรับงานออกแบบไฟหน้าใหม่ ให้เชื่อมต่อเส้นแถบด้านล่างเป็นแนวเดียวกับชิ้นปิดกระจังหน้า
และปรับสีชิ้นแก้มข้าง และกรอบซุ้มล้อใหม่ ให้กลายเป็นสีดำเงา หรือขาวล้วน แบบเดียวกับตัวถัง เพื่อปรับภาพลักษณ์รถให้ดูเหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองกว่าเดิม เสริมด้วยชุดล้อลายใหม่ ที่มีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้นเป็นการปิดงาน

ภายในห้องโดยสาร ก็มีการปรับงานออกแบบคอนโซลให้ดูทันสมัยขึ้น โดยที่ตรงกลางคอนโซล ยังมีการติดตั้งชุดจออินโฟเทนเมนท์ใหม่ ขนาด 14 นิ้ว ซึ่งมีการรวมเอาปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศไปอยู่ในตัวจอเป็นที่เรียบร้อย พร้อมระบบไฟแวดล้อมอีก 64 เฉดสี และปุ่ม Paddle Shift หลังพวงมาลัยที่เอาไว้คุมแรงหน่วงของระบบ Regenerative ซึ่งถูกใส่เอามาให้แล้วเป็นที่เรียบร้อยในรุ่นนี้
ด้านขุมกำลัง ก็มีให้เลือกทั้งแบบ มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า และมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยต่างก็ได้รับการอัพเกรดระดับพละกำลังให้สูงขึ้น จาก 204 PS เป็น 224 PS ในรุ่นมอเตอร์เดี่ยว และ จาก 218 PS เป็น 343 PS ในรุ่นมอเตอร์คู่ ซึ่งในรุ่นหลัง ยังมีการเพิ่มโหมดการขับเคลื่อน X-Mode ที่ยกมาจาก Subaru Solterra เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานขณะขับรถบนทางโคลนลื่นๆได้ดีอีกด้วย
และเนื่องจากเป็นตัวรถที่มีไว้วางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา มันจึงมาพร้อมกับหัวชาร์จมาตรฐาน North American Charging System (NACS) ซึ่งรองรับการใช้งานหัวชาร์จของแท่น Tesla Supercharger ได้ โดยมันสามารถรองรับความเร็วในการชาร์จจาก 10%-80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที
และแบตเตอรี่ก็มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่เล็กน้อย เป็นแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาด 74.7 kWh เพื่อการจัดการความร้อน และระยะทางการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จที่ดีขึ้นอีก 25% เป็น 505 กิโลเมตร/ชาร์จ โดยยังมีรุ่นแบตเตอรี่ขนาดเล็ก 57.7 kWh ที่รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จ 380 กิโลเมตร ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อในรุ่นย่อยล่างสุดอยู่
ส่วนราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวรถรุ่นนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา เนื่องจากกำหนดการขายจริงของมัน คือช่วงครึ่งหลังของปี 2025 นี้ในสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทย ยังคงไร้วี่แววต่อไป หลังจากที่ตัวรถ Toyota bZ4X มีการวางจำหน่ายในบ้านเราเพียงล็อตเดียวเพียงไม่กี่สิบคันในปี 2022 และก็ไม่ได้มีการเปิดจองรถล็อตใหม่ใดๆเลยนับตั้งแต่นั้นจนวันนี้