หลังเปิดตัวที่โซนอาหรับไปแล้วสำหรับ Toyota Land Cruiser พลังไฮบริดจนขายดีล่าสุดออสเตรเลียเปิดสเปกแนะนำตัวก่อนขายจริงปีหน้าในเวอร์ชันพวงมาลัยขวา
ภายนอกไม่ต่างจากเวอร์ชันดีเซลเพียงแต่เพิ่มโลโก้ HEV เข้ามา นอกนั้นเดิมๆทั้ง ชุดกระจังหน้าขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED 3 ดวง พร้อมไฟ LED DRL ขนาดใหญ่รูปตัว L นอน ชุดกันชนหน้าที่ดุดันถึงใจคอลุยขนานแท้พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED
ด้านข้างตัวรถใหญ่โตด้วยเส้นสายการออกแบบดุดันแฝงด้วยความหรูตั้งแต่ ราวหลังคาพร้อมหลังคาซันรูฟและเสาอากาศครีบฉลาม กรอบกระจกตกแต่งตามความแตกต่างของแต่ละรุ่นรวมถึงเสา D ขนาดใหญ่ ด้านท้ายเท่ด้วยไฟท้าย LED และฝาท้ายที่ยังเปิดได้ 2 ส่วน พร้อมไฟเลี้ยววิ่งด้านหน้าและหลัง Sequential Turn Signal ตั้งแต่รุ่น Sahara ZX ล้อมีให้เลือกทั้งขนาด 18-20 นิ้วพร้อมยาง AT ยี่ห้อ Dunlop Grand Trek AT30
ตกแต่งในแต่ละรุ่นที่ต่างกันด้วยชุดแต่งโครเมียมทั้งในรุ่น Sahara ZX ล้ออัลลอยลายหรู 20 นิ้ว รุ่น GR Sport เด่นด้วยล้ออัลลอยสีเทาด้าน 18 นิ้ว ขอบล้อภายนอกสีดำสนิท ออกแบบส่วนหน้าสุดเข้มพร้อมโลโก้ตัวอักษร
ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยการเพิ่มลดออปชันในแต่ละรุ่นเริ่มมาตรวัดความเร็วเรืองแสงแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบพร้อมจอแสดงข้อมูล MID ขนาด 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วไร้ช่องใส่ DVD/CD Player มาเป็น พอร์ต HMDI กับ MicroSD แทนทั้ง 2 จอรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบนำทางในจอและอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไร้สาย ลำโพงพรีเมียม 14 จุดจาก JBL ที่ชาร์จมือถือไร้สาย เป็นต้น
ขุมพลังยกมาจากกระบะใหญ่รุ่น Tundra ด้วยเบนซินเทอร์โบคู่รหัส V35A-FTS ขนาด 3.5 ลิตร V6 ให้กำลังเครื่องยนต์ 412 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor ให้กำลัง 49 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
พร้อมชุดแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (NMH) ขนาด 1.8 kWh ติดตั้งไว้ด้านหลัง ซึ่งล้ออะไหล่ก็ถูกย้ายตำแหน่งไปด้วยเช่นกัน เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 464 แรงม้า แรงบิดรวม 790 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด Direct Shift-10AT โหมดการขับขี่ทางเรียบทั้ง Eco, Comfort, Normal, Sport S และ Sport S+ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.4 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงทำได้ 9.17 กิโลเมตรต่อลิตร
พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full Time ที่มีระบบ Multi-Terrain Select โดยระบบจะตรวจพื้นถนนโดยมีโหมดลุยประกอบด้วย Auto, Dirt, Sand, Mud, Deep Snow และ Rock และ Crawl Control ลากจูงรถพ่วงท้ายหรือเทรลเลอร์ที่มีระบบเบรกเพิ่มเป็น 3,629 กิโลกรัม (เดิม 3,500 กิโลกรัม)
พร้อมช่วงล่าง Electronic Kinetic Dynamic Suspension System หรือ E-KDSS บนพื้นฐานของช่วงล่างหน้าและหลังเพื่อการลุยการเกาะถนนที่ดีขึ้น พร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายหน้าและหลัง Differential Lock ในรุ่น GR Sport ส่วนรุ่น Sahara ZX ได้ระบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) ช่วยในการดูดซับแรงกระแทกระหว่างการขับขี่ มีระบบควบคุมเฟืองหลัง Differential Lock ทางออสเตรเลียเตรียมขายจริงช่วงมีนาคมปีหน้า ด้วย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น GR Sport และ Sahara ZX