แม้ตัวรถเจเนอเรชันใหม่ จะถูกเผยโฉมเป็นเค้าลางมาแล้วในฐานะรถคอนเซปท์ แต่กว่ากำหนดขายจริงของมันจะเกิดขึ้น คาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี ทำให้ทาง Toyota ในประเทศจีนเลือกที่จะปรับโฉม Corolla เจนปัจจุบันใหม่ ทั้งเรื่องงานออกแบบรอบคัน ยันภายใน และพื้นที่โดยสารใหม่ที่ใหญ่ขึ้น

2026 Toyota Corolla ขายโดย FAW Toyota และคู่แฝด 2026 Toyota Levin L ขายโดย GAC Toyota ถูกเปิดตัวพร้อมกันสำหรับขายในประเทศจีนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โดยต่างมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนในรูปแบบคล้ายกัน โดยเริ่มจากการปรับยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร จนรถมีความยาวฐานล้อมากขึ้น เป็น 2,750 มิลลิเมตร
ซึ่งนั่นจะส่งผลโดยรวมถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ยาวกว่า มีพื้นที่วางขาที่มากขึ้นอย่างชัดเจน แม้จะไม่ถึงขั้น Camry แต่ก็มีความสะดวกสบายกว่าเวอร์ชันปกติที่ขายในไทย และประเทศอื่นใดนอกจากจีนแน่นอน
ถัดมาคือการเปลี่ยนงานออกแบบภายในห้องโดยสารใหม่ กับการใช้งานดีไซน์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วยเส้นแนวนอนขวาง เพื่อแบ่งเลเยอร์คอนโซลออกเป็น 2 ชั้น และติดตั้งชุดจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.9 นิ้ว พร้อมอินเตอร์เฟซแบบใหม่เช้าไป และปรับหน้าจอมาตรวัดใหม่ ให้เป็นจอแสดงผลแบบ Full Digital ขนาด 8.8 นิ้ว
คอนโซลกลาง ก็มีการปรับเปลี่ยนใหม่ ให้มีความเป็นเส้นตรงมากขึ้น และยังมาพร้อมกับแท่นไวร์เลสชาร์จที่แรงกว่าเดิม และยังมีการปรับเปลี่ยนทรงเบาะใหม่ พร้อมการอัพเกรดระบบ Toyota Safety Sense 3.0 ใหม่ ให้ฉลาดขึ้น และติดตั้งอยู่ในทุกรุ่นย่อยเป็นออพชันพื้นฐาน

นอกนั้นในส่วนหน้าตาตัวรถ จะมีการปรับเปลี่ยนอย่างชัดเจนในฝั่ง Toyota Corolla ที่จัดจำหน่ายโดย FAW ซึ่งมีการเปลี่ยนไปใช้หน้าตา Hammer Head ตามที่เคยมีข้อมูลเอกสารหลุดออกมาเมื่อกลางปี
ส่วน Toyota Levin L ซึ่งเป็นคู่แฝดกันและวางขายโดย GAC ก็จะใช้หน้าตาที่ยกดีไซน์จาก Corolla เวอร์ชันประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้ พร้อมกันชนหน้าใหม่ที่ดูดุดันสะใจมากขึ้น
และในส่วนขุมกำลังของรถทั้ง 2 รุ่น ก็จะมีให้เลือกทั้ง แบบเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เทอร์โบ 116 แรงม้า, เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร NA 173 แรงม้า, และไฮบริด 1.8 ลิตร 137 แรงม้า ก่อนส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าเท่านั้น ผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ CVT ตามเดิม

โดยตัวรถทั้ง 2 รุ่นนี้ จะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศจีนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และไม่แน่ว่างานดีไซน์รถที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ อาจถูกนำมาใช้กับ Corolla Altis ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยในอนาคตเช่นกัน เพราะด้วยอายุการตลาดที่ยังต้องลากขายอีกสักพัก ทำให้ทาง Toyota ประเทศไทย คงไม่ปล่อยให้รถดูล้าสมัยเกินไปในไทยแน่นอน






