Suzuki Fronx คือหนึ่งในรถยนต์โมเดลใหม่ ที่ถูกระบุว่าจะมีการนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราปีนี้ และล่าสุดมันก็ได้ถูกเผยโฉมในอินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตหลักของรถรุ่นนี้ในภูมิภาคอาเซียนแล้วเป็นที่เรียบร้อย

Suzuki Fronx ถูกเปิดตัวครั้งแรกในใประเทศอินเดียเมื่อปี 2023 และดูเหมือนว่ามันจะได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากเหล่าลูกค้า จนทำให้ทาง Suzuki เริ่มที่จะส่งออกตัวรถรุ่นนี้ไปวางจำหน่ายในหลายๆประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งในประเทศญี่ปุ่นเอง
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทาง Suzuki Indonesia ก็ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะเปิดตัว Fronx ล็อตขึ้นไลน์ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ภายในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้
โดย Suzuki Fronx ถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้งานดีไซน์แบบรถอเนกประสงค์ทรงคูเป้ ด้วยหน้าตาที่เน้นความโฉบเฉี่ยว ขณะเดียวกันฐานล้อด้านกว้าง ก็มีมาให้พอตัว พร้อมดึงซุ้มล้อปั้นทรงโป่งออกมาจากแนวตัวถังชัดเจน หลังคาทรงโค้งลาดทางด้านหลังเตี้ยกว่าด้านหน้า และมีการวาดเสา C แบบลาดเอียงเป็นพิเศษลงไปหาแนวไฟท้ายรถเพื่อเพิ่มภาพลักษณ์สปอร์ตให้กับตัวรถอีก
และแม้ตัวรถจะมีฐานล้อยาว 2,520 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับสัดส่วนตัวรถที่ยาว 3,995 มิลลิเมตร จนทำให้รถดูมีระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าและด้านหลังสั้น แต่มันก็ยังสามารถเลี้ยวด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดที่ 4.8 เมตร และทางค่ายยังระบุอีกว่า ด้วยการออกแบบในลักษณะนี้ บวกกับการปรับรถให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ จะช่วยให้รถสามารถมอบสเถียรภาพในการขับขี่ที่ดีกว่ารถอเนกประสงค์รุ่นอื่นๆในคลาสเดียวกันแน่นอน
ภายในห้องโดยสาร เน้นการเก็บเสียง และลดการสั่นสะเทือนที่ไม่จำเป็น แม้แต่กระจกบนประตูคู่หลังยังมีความหนาเป็นพิเศษ เพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร พร้อมตกแต่งด้วยสไตล์อนุรักษ์นิยมแบบ Suzuki
นั่นคือ เน้นเส้นสายคอนโซลที่ดูหวือวา แต่แบ่งสัดส่วนระหว่างคอนโซลบน กลาง ล่าง อย่างชัดเจน, พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมหน้าตาคุ้นเคยแต่มีการเพิ่มปุ่มควบคุมการรับสายโทรเข้า-ออก และการสั่งการด้วยเสียงเพื่อเปิดการใช้งานระบบ Google Assistant และ Siri เข้ามา
หน้าจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขนาด 7 นิ้ว ทำงานร่วมกับมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์แบบเข็มกวาด และยังมีชุดจอ HUD มาให้เพื่อเสริมความปลอดภัยของผู้ขับ, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมท์ขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อระบบ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ทำงานร่วมลำโพง 6 จุด
นอกนั้นในส่วนเบาะนั่ง จะถุกตกแต่งด้วยวัสดุหุ้มหนังทั้งหมด โดยที่เบาะหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 พร้อมระยะวางขาของผู้โดยสารแถวหลังวัดจากแนวใจ้เบาะหน้า มาจนถึงพนักหลังของเบาะแถวหลัง ที่มากถึง 805 มิลลิเมตร, มีกล้อง 360 องศา เพิ่มเข้ามา และยังมีแท่นชาร์จไร้สาย, เครื่องปรับอากาศด้านหลัง และพอร์ตชาร์จ USB ด้านหลัง เพื่อความสะดวกสบายที่ครบครัน
ไม่เว้นแม้กระทั่งการใส่ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) Suzuki Safety Support เข้ามา โดยจะประกอบไปด้วย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน Adaptive Cruise Control, ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist – LKA, ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring, และระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System, ระบบป้องกันรถออกนอกเลน Lane Depature Prevention เป็นต้น ทำงานร่วมกับถุงลมนิรภัย 6 จุด ร่วมม่านด้านข้าง และถุงลมข้างเบาะนั่งฝั่งประตูทั้งในส่วนของผู้ขับและผู้โดยสารแถวหน้า
ด้านขุมกำลังตัวรถ จะมีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ รุ่นเครื่องยนต์ K15B เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ก่อนส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า
และอีกรุ่น คือขุมกำลังเครื่องยนต์ K15C เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT ให้กำลังสูงสุด 101 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Mild Hybrid ช่วยเสริมกำลังขับเคลื่อนในช่วงการออกตัวและการเร่งแซง 3.1 แรงม้า PS กับแรงบิดสูงสุด 60 นิวตันเมตร โดยอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 6 Ah และใช้ระบบส่งกำลังที่มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ก่อนส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าดังเดิม
โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Suzuki Fronx ในประเทศอินโดนีเซีย จะแบ่งตามรุ่นย่อยดังนี้
- GL MT 259,000,000 รูเปียห์ หรือราวๆ 518,500 บาท
- GL AT 271,000,000 รูเปียห์ หรือราวๆ 542,500 บาท
- GX MT 276,000,000 รูเปียห์ หรือราวๆ 552,500 บาท
- GX AT 293,900,000 รูเปียห์ หรือราวๆ 588,400 บาท
- SGX AT 319,900,000 รูเปียห์ หรือราวๆ 640,400 บาท
ซึ่งหากตัวรถถูกนำมาทำตลาดในประเทศไทยภายในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ ก็คาดว่าราคาวางจำหน่ายของมัน อาจจะไม่หนีจากนี้มากนัก เพื่อให้มันสามารถแข่งขันในตลาดได้ดี และไม่อยู่ในเรทเดียวกันกับ Suzuki XL7 ที่เป็นรถอเนกประสงค์ที่นั่ง 3 แถว ตัวใหญ่กว่า