นับเป็นความทะเยอทะยานครั้งสำคัญของ OMODA & JAECOO กับการบุกตลาดโลกเต็มรูปแบบแนะนำเอสยูวีน้องใหม่ในชื่อ OMODA 4
ด้วยหน้าตาแน่นอนว่าคล้ายกับ Lamborghini URUS ผสมผสานอย่าลงตัวด้วยกระจังหน้าทรงทึบติดตรา OMODA พร้อมกันชนหน้าทรงสปอร์ต ประกบกับไฟ DRL แบบ LED ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED 2 ดวงในกรอบทรงสายฟ้า และมีช่องระบายอากาศทรง 4 เหลี่ยม
ด้านข้างมีเส้นสายที่ลงตัวด้วยหลังคารถที่ลาดลงสีดำ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เสาอากาศครีบฉลาม คิ้วขอบล้อสีดำทรง 6 เหลี่ยมเสริมเท่ด้วยล้ออัลลอยปัดงาขนาด 18 นิ้ว ไฟท้าย LED แนวยาวรูปตัวยู คว่ำ พร้อมกันชนหลังทรงสปอร์ตติดตั้งลิ้นสปอยเลอร์หลังในตัวสร้างจากพื้นฐาน T1X ใช้ร่วมกับรุ่น C5, C7 และ C9 
ภายในมาพร้อมคอนโซลกลางยกสูงและพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์เก๋ 3 ก้าน มีหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด ควบคุมฟังก์ชันส่วนใหญ่ของรถ มีหน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรถยนต์แห่งอนาคต มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light) กระจายความสว่างให้รู้สึกอบอุ่น เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา และที่ชาร์จไร้สายกำลัง 50 W พร้อมความสบายแบบ 5 ที่นั่ง และเบาะหลังปรับพับได้ 60/40
ตลาดโลกมีหลายทางเลือกทั้ง อีวีล้วน 211 แรงม้า กับความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 60.9 kWh วิ่งไกลสุดกว่า 400 กิโลเมตร (WLTP) กับฟูลไฮบริด 1.5 ลิตร 145 แรงม้าจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.8 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 228 แรงม้า และสันดาปล้วนเสริมทัพด้วยปลั๊กอินไฮบริด SHS
เบื้องต้นเปิดตัวทั่วโลกภายในปี 2026 ทางด้านเมืองไทยจ่อขายต้นปีหน้า โดยจะนำเข้าจากจีนช่วงแรกและจะประกอบไทยในภายหลังด้วยเวอร์ชันไฟฟ้าล้วน