Home » MG4 อีวีทรงแฮทช์แบ็กเปิดราคาขายที่จีนเริ่ม 319,000 บาท
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ ราคารถใหม่

MG4 อีวีทรงแฮทช์แบ็กเปิดราคาขายที่จีนเริ่ม 319,000 บาท

MG เลือกงาน Chengdu Auto Show เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ MG4 อีวีรุ่นใหม่ในร่างแฮทช์แบ็ก ก่อนที่จะไปทำตลาดทั่วโลกในเร็วๆนี้

คราวนี้ MG ยังเปิดตัวรุ่น ANMIX เป็นรุ่นแรกของค่ายที่ใช้ Semi-Solid-State ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทำจากแมงกานีส โดยโครงสร้างทำมาจากโลหะผสมอลูมิเนียม-แรร์เอิร์ธ ช่วยให้แบตเตอรี่มีความหนาแน่นเชิงพลังงานต่อน้ำหนักมากขึ้น สามารถรองรับกำลังในการชาร์จที่สูงกว่าเดิม และยังทำให้รถมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้นและตัวถังมีความแข็งแรงสูง มีค่าความทนทานต่อการบิดตัวถึง 31,000 นิวตันเมตรต่อองศา

โดยตัวแบตเตอรี่ที่ว่านี้ จะมีขนาด 53.95 kWh วิ่งไกลสุด 530 กิโลเมตร (CLTC) ชาร์จได้ทั้ง AC และ DC 30-80% ภายใน 21 นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร

และยังมีรุ่นปกติที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP แบบ Cell-to-Body (CTB) ทั้งขนาด 42.8 kWh วิ่งไกลสุด 437 กิโลเมตร (CLTC) และขนาด 53.95 kWh วิ่งไกลสุด 530 กิโลเมตร (CLTC) ชาร์จได้ทั้ง AC และ DC 30-80% ภายใน 20 นาที

พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมดทั้งโหมด Snow, Economy, Standard, Sport และ Custom ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 3.3 kW พร้อมคันเร่งแบบ One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ด้วยภายนอกนำสมัย สร้างจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน SAIC’s E3 pure electric architecture platform พร้อมภายใน ที่ร่วมมือกับ OPPO มาร่วมดีไซน์ฟังก์ชันภายในส่วนระบบจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์อัจฉริยะแบบลอยตัว ขนาด 15.6 นิ้วความละเอียด 2.5K ในรุ่นท็อป และมีขนาด 10.25 นิ้ว ความละเอียด 720P และ 12.8 นิ้ว ความละเอียด 1080P ในรุ่นเริ่มต้น และรุ่นรองท็อป ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 รองรับการเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์ม การสะท้อนหน้าจอมือถือไปยังหน้าจอสัมผัสหรือ Mirroring สั่งงานด้วยเสียง สั่งงานด้วยท่าทางหรือการใช้นิ้วสั่ง Gesture Based Navigation

ฟีเจอร์เพิ่มเติมประกอบด้วยการโต้ตอบด้วย AI เล่นแอปพลิเคชันมือถือผ่านหน้าจอสัมผัส และการผสานการทำงานแบบไร้สายกับ Apple CarPlay และ Android Auto ด้วยระบบ Smart Mobility ทำให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างราบรื่น รองรับฟังก์ชันกุญแจดิจิทัล (Digital Key) รวมถึง การจอดรถระยะไกลผ่านสมาร์ทโฟน รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air (OTA) เป็นต้น

โดยเปิดราคาจำหน่ายที่จีน 5 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้น 68,800-102,800 YUAN หรือราว 319,000-474,000 บาท ส่วนรุ่นที่ใช้แบตกึ่ง Semi-Solid Battery ในชื่อ ANXIN ราคา 102,800 YUAN หรือราว 474,000 บาท ส่งมอบสิ้นปีนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.