นอกจากการเสริมทัพรถยนต์พลังไฟฟ้า ล่าสุดทาง Mercedes-Benz ยังได้มีการเพิ่มไลน์อัพของรถยนต์ตระกูล AMG กับ 2025 Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รุ่นประกอบไทย ในราคาเริ่ม 5,850,000 บาท
2025 Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ เวอร์ชันวางจำหน่ายในประเทศไทย นอกจากความดุดันดั้งเดิมตามฉบับ AMG มันยงมาพร้อมชุดแต่งแบบ AMG Night Package กับสี Deep Gloss Black ที่ถูกตัดแซมไว้บนชุดกันชนหน้า “A-wing” กระจกมองข้าง คิ้วขอบกระจก แร็คหลังคา กันชนท้าย และปลายท่อคู่สุดดุดัน เพื่อมอบพลังความสปอร์ตและปราดเปรียวตามแบบฉบับของ AMG Exterior พร้อมชุดล้อฟอร์จ (Forged) ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Cross-spoke ขนาด 22 นิ้ว พ่นด้วยสีดำด้าน Matte Black
ส่วนภายในห้องโดยสารมาพร้อม AMG Interior Package เช่นกัน โดยเริ่มจาก พวงมาลัย AMG Performance steering wheel พร้อมระบบพวงมาลัย AMG Steering 3 สเตจ ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและไมโครไฟเบอร์ หลังคากระจก Panoramic Sunroof ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายให้กับห้องโดยสาร
นอกจากนี้ ตัวรถ ยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ MBUX7 แบบ Zero-Layer Concept ที่ออกแบบมาตามรูปแบบโปรแกรม AMG ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอธีมพิเศษของ AMG รวมถึงการวัดแทร็กสนาม โดยควบคุมผ่านจอกลางแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับ AMG Head-up Display ขนาด 12.3 นิ้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวรถยังติดตั้งระบบนำทางแสดงภาพเสมือนจริง MBUX augmented reality for navigation และระบบเสียง Burmester® surround sound system ลำโพง 13 ตัว กำลังขับ 590 วัตต์ พร้อม Dolby Atmos® ช่วยมอบเสียงเพลงที่คมชัดสมจริงรอบทิศทางราวกับอยู่ในสตูดิโอ
ติดตั้งโปรแกรมการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT สามารถปรับเลือกได้ถึง 7 รูปแบบ ตามไลฟ์สไตล์การขับขี่ รวมถึงโหมด Off-Road ที่มาพร้อมการแสดงผลแบบ Transparent Bonnet ที่จะแสดงภาพใต้ท้องรถแบบ Real-Time ทำให้สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ในส่วนระบบความปลอดอภัย แน่นอนว่าก็ถูกใส่มาแบบจัดเต็มเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Plus Package และระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator) ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และ Parking Package พร้อมกล้องรอบคัน 360° ฯลฯ
ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL+ ที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Adaptive AIRMATIC) และระบบเบรกแบบ AMG high-performance brake system ด้านหน้า 6 พอร์ต และด้านหลัง 1 พอร์ต
2025 Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ (M256M) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Plug-in hybrid ให้กำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 4.7 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ผสานการทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ ที่สามารถจัดการกระจายแรงส่งกำลังได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบอิสระเพื่อให้ตอบโจทย์บนทุกสภาพพื้นผิวถนน
โดยแบตเตอรี่ที่ใช้สำหรับระบบ Plug-In Hybrid ก็จะมีขนาด 31.2 kWh พร้อมให้ระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนสูงสุด 86 กิโลเมตร ต่อชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 60 kWh ใช้เวลาจาก 10-80% ภายในระยะเวลา 20 นาที และการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 kWh ใช้เวลาจาก 0-100% ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง
และเพื่ออรรถรสในการขับขี่ รถยังมาพร้อมระบบ AMG Performance Exhaust System ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปรับระดับเสียงท่อไอเสียได้ทั้งแบบ BALANCED หรือ POWERFUL ผ่านคอนโซลกลาง หรือบน AMG Steering Wheel Buttons พร้อมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตให้แก่ผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัด
โดย 2025 Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเทา (Selenite Grey) สีเทา (MANUFAKTUR Alpine Grey Solid) และสีแดง (MANUFAKTUR Hyacinth Red Metallic) และพร้อมเปิดรับจองแล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่าย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ โดยจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป