LEXUS ค่ายรถหรูแดนปลาดิบส่งรถใหม่เข้าขายกันถึง 2 รุ่น ทั้ง LEXUS LX เอสยูวีรุ่นใหญ่ยังมี LEXUS RZ อีวีที่กลับมาขายในไทยอีกครั้ง

ภายนอกเดิมแต่ปรับบุคลิกใหม่ให้ทันสมัยเริ่มที่ กระจังหน้าใหม่ภายใต้แนวคิด Spindle Body สไตล์ Spindle Grill ผสมผสานศิลปะการออกแบบล้ำสมัยจนได้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้า LED กับไฟส่องสว่างเวลากลางวันหรือ LED Day Time รูปตัว L ด้านหลังเน้นเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยเส้นไฟ LED ลากยาวดูเฉียบคม ตัวอักษร LEXUS ขนาดใหญ่ติดท้ายรถ ล้ออัลลอยสไตล์ทูโทนเลือกได้ทั้งขนาด 18 และ 20 นิ้ว

ภายในออกแบบมาพร้อมกับหลังคากระจกพาโนรามามีฟังก์ชันปรับลดแสงอัจฉริยะ ช่วยให้ภายในห้องโดยสารดูโอ่โถง โปร่งสบาย

คอนโซลด้านหน้าออกแบบภายใต้แนวคิด TAZUNA COCKPIT เน้นให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ สะดวกสบายพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงมาตรฐาน

มาพร้อมหน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว ลำโพง 10 จุด กับมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วมาด้วย พร้อมไฟ Ambient Light ส่องสว่างให้ห้องโดยสารอบอุ่น และหลังคารถแบบ Panoramic Sunroof สามารถหรี่แสงได้เพื่อประหยัดไฟ

สบายแบบ 5 ที่นั่งด้วยการใช้วัสดุหุ้มเบาะ Ultra-suede ที่ผลิตจากพืช (Bio-based sustainable material) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ผิวสัมผัสที่หรูหราคล้ายกับหนังกลับคุณภาพสูง

มาพร้อมความเร้าใจด้วยขุมพลังไฟฟ้าพัฒนาใหม่ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมาเป็น 76.96 kWh (เดิม 71.4 kWh) รองรับการชาร์จทั้งชาร์จช้า AC 11 kW และชาร์จเร็ว DC 150 kWทั้ง 3 ทางเลือกเริ่มที่

รุ่น RZ350e ให้กำลัง 224 แรงม้า แรงบิด 267 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 575 กิโลเมตร (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.5 วินาที เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า

รุ่น RZ550e มาในรูปแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู้ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบบ DIRECT4 ให้กำลังรวมสูงสุด 381 แรงม้า จากมอเตอร์หน้าและหลังให้กำลังเท่ากัน 227 แรงม้า แรงบิด 267 นิวตันเมตร  วิ่งไกลสุด 500 กิโลเมตร (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.6 วินาที

รุ่นใหม่ RZ550e F Sport ระบบขับเคลื่อนเหมือนรุ่น RZ 550e แต่ให้กำลังรวมเพิ่มขึ้นถึง 408 แรงม้า จากมอเตอร์หน้าและหลังให้กำลังเท่ากัน 227 แรงม้า แรงบิด 267 นิวตันเมตร  วิ่งไกลสุด 450 กิโลเมตร (WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.4 วินาที

โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบบ DIRECT4 มีระบบส่งกำลัง eAxle กระจายแรงบิดโดยกระจายน้ำหนักของล้อทั้งสี่ได้ตั้งแต่ 0-100 สามารถตั้งได้หลากหลายทั้งแบบ 20/80, 50/50 และ 75/25 ตามลำดับ โดยเปิดตัวและขายพร้อมกับ LEXUS LX เจนที่ 4 ที่งาน Motor Expo 2025