ในขณะที่ไทยยังคงขาย Hyundai Palisade ดีเซล 2.2 กันยาวๆจนกว่าจะมีเจนใหม่เข้ามาสานต่อในส่วนต่างประเทศเริ่มขายกันแล้วโดยออสเตรเลียเตรียมที่จะเผยโฉมเต็มที
เจนที่ 2 หน้าตาทรงเหลี่ยมถอดแบบมาจากน้องรอง Hyundai SANTA FE แบบทรงกล่อง Boxy เริ่มที่กระจังหน้าเส้นใหญ่ 5 เส้นแบ่งเป็นส่วนๆ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED แนวนอน 5 ชั้นขนาดใหญ่ พร้อมไฟหน้า LED แบบเรียงกัน 2 ดวง ข้างๆไฟ DRL ในชุดกันชนหน้าดีไซน์กลมกลืน
ด้านข้างบึกบึนด้วยราวหลังคาสีเงิน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ชุดแต่งสีเงินให้อารมณ์เดียวกับรถยนต์นั่งระดับหรูบริเวณขอบกระจกหน้าส่วนบนยาวมาจนถึงเสา D ขนาดใหญ่ ราวหลังคา และคิ้วใต้กันชนหน้า สเกิร์ตข้างและใต้กันชนหลัง ไฟท้ายแนวตั้ง LED มีโลโก้ Hyundai ชื่อรุ่นรถมาด้วย ในชุดกันชนหลังมีพร้อมฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยลายหรูขนาดใหญ่ 21 นิ้วพร้อมยาง 265/45R21
ภายในมีให้เลือกทั้งแบบ 7 ที่นั่ง 2+2+3 และ 8 ที่นั่ง แบบ 2+3+3 หุ้มหนัง NAPPA คู่หน้าฝั่งคนขับปรับได้ 16 ทิศทาง คนนั่ง 12 ทิศทาง พร้อมเบาะนั่งตอนที่ 2 แบบ Captain Seat VIP พร้อมอุ่นเบาะและเบาะเย็น ทั้ง 2 ตอน เบาะนั่งตอนที่ 2 พับได้แบบ 60/40 ในรุ่น 8 ที่นั่ง และตอนที่ 3 พับได้แบบ 60/40 ในรุ่น 7 และ 8 ที่นั่ง วัสดุหุ้มหลังคาแบบหนังกลับขึ้นรูปทั้งแผง
มีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านดีไซน์ย้อนยุคจาก Hyundai Grandeur จอคู่ฝั่งละ 12.3 นิ้ว รวมการทำงานทั้งจอมาตรวัดดิจิทัลและจอสัมผัสระบบความบันเทิงรองรับการเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play และ Android Auto ปุ่มการทำงานจอสัมผัสใต้ช่องแอร์ เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold และกุญแจ Digital Key
พร้อมลำโพง BOSE 14 จุด กล่องคอนโซลลกลางแนวยาวพร้อมอำนวยความสะดวกด้วยที่ชาร์จ USB Type-C 6 จุด กำลังชาร์จ 100W ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลังชาร์จ 15W ที่วางแก้ว จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้า Head-up Display (HUD)
ขุมพลังใหม่ไฮบริดด้วยเบนซินเทอร์โบ Smartstream G T-GDI ขนาด 2.5 ลิตร ให้พลังแรงสูงสด 262 แรงม้า แรงบิด 353 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 73 แรงม้า แรงบิด 264 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.65 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดรวม 460 นิวตันเมตรคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัด 14.70 กิโลเมตรต่อลิตร
พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC All-Wheel-Drive (AWD) พร้อมโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกตามแต่ละสภาพถนน Terrain Mode ได้แก่โหมดบนทราย (Sand), หิมะ (Snow), โคลน (Mud) และออโต้ Auto เช่นเดียวกับโหมดขับขี่ปกติ Drive Mode ทั้งโหมด Eco, Sport, Comfort และ Smart ซึ่งจะจดจำโหมดสุดท้ายของผู้ขับขี่อัตโนมัติโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องเลือกโหมด และความปลอดภัยเต็มคัน Hyundai Smart Sense เปิดขายจริงตุลาคมนี้ และลุ้นกันว่าจะเข้าขายไทยในช่วงปีหน้าหรือไม่ต้องติดตาม