เชื่อว่าหลายคนที่อยากได้รถซิ่ง บางทีก็ไม่ได้อยากได้ออพชันใส่มาให้หวือหวา เพราะถึงเวลาก็ไม่ได้ใช้ ดังนั้นทาง Hyundai ก็เลยจัดให้ กับการทำ Ioniq 5 N Essential น้องใหม่ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์นี้

Hyundai Ioniq 5 N Essential ฮอทแฮชท์ไฟฟ้าไลน์อัพใหม่ ที่ทางค่ายเปิดตัวขึ้นมาโดยมีการประเดิมตลาดกันก่อนในประเทศเกาหลี และจุดขายของรถยนต์รุ่นนี้ก็คือการมีราคาที่ย่อมเยากว่า 5 N รุ่นดั้งเดิม เพื่อให้ลูกค้าสามารถจับต้อง และสัมผัสความสนุกสนานของมันได้มากขึ้น
หากมองด้วยสายตาผ่านๆ ตัวรถยังคงมาพร้อมกับการตกแต่งแบบเดียวกับ 5 N ปกติ ทั้งชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทรอบคัน, ชุดล้ออัลลอยด์ฟอร์จขนาด 21 นิ้ว, ระบบไฟ LED รอบคัน และภายในห้องโดยสารยังมีการตกแต่งด้วยชุดหน้าจอมาตรวัดกับอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว, เบาะนั่งแบบสปอร์ต, พวงมาลัยทรงซิ่งหุ้มหนัง, ระบบปรับอากาศแบบแยกโซนซ้าย-ขวา, และ ลำโพง BOSE 8 ตำแหน่งดังเดิม
ส่วนสิ่งที่หายไป คืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ไม่จำเป็น ทั้ง จอ Head-Up Display, แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย, ระบบจ่ายไฟแบบ V2L, กุญแจดิจิตอล, กระจกบานหลังแบบมีระบบนิรภัยพิเศษ, และระบบไฟส่องสว่างด้านหน้าแบบขั้นสูง (ไม่มีระบบเปิด-ปิดไฟสูง อัตโนมัติ) และระบบ ADAS บางรายการก็ถูกตัดออกไปด้วย

นอกนั้นในเรื่องขุมกำลังตัวรถ ยังเหมือนเดิม เพื่อคงความเป็น 5 N ให้ลูกค้าได้ชื่นใจ ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ กำลังสูงสุด 609 PS พร้อมระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปทางด้านหลัง ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 84 kWh
และยังคงมีลูกเล่นระบบจำลองการต่อเกียร์ N e-Shift, ระบบช่วยการออกตัวจากหยุดนิ่ง N Launch Control, ระบบคันเร่งอัจฉริยะ N Pedal, ระบบคุมการดริฟท์ N Drift Optimizer Pro, ระบบคุมการถ่ายแรงบิดแต่ละล้อ N Torque Distribution, และระบบจำลองเสียงในห้องโดยสาร N Active Sound + มาให้ดังเดิม
โดยจากการตัดออพชันที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ยังได้สมรรถนะความแรงเท่าเดิม ทำให้ตัวรถ 5 N Essential มีราคาวางจำหน่ายที่ 74,900,000 วอน หรือราวๆ 1,712,000 บาท ถือว่าหายไป 2,500,000 วอน หรือราวๆ 57,000 บาท เมื่อเทียบกับรุ่นปกติ ซึ่งอาจจะไม่ได้มากมายนัก แต่ก็ทำให้ลูกค้าที่รู้สึกว่าระบบอำนวยความสะดวกต่างๆที่ถูกตัดออกไปนั้นไม่จำเป็น สามารถจับต้องรถได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกันสำหรับลูกค้าที่ใช้ตัวรถรุ่น 5 N ปกติ ทาง Hyundai เกาหลี ก็มีการเพิ่มออพชัน Comfort Plus ซึ่งจะมีการเพิ่มระบบทำความร้อนเบาะแถวหลัง, ม่านกระจกคู่หลัง, และระบบปรับพนักไฟฟ้ามาให้ ในราคา 590,000 วอน หรือราวๆ 13,500 บาท ให้เลือกซื้อ
และยังมีออพชัน Parking Lite ราคา 900,000 วอน หรือราวๆ 20,600 บาท ซึ่งเป็นระบบช่วยจอด ทั้งตอนที่อยู่ในรถ หรือนอกรถ
เสริมด้วยออพชัน ฟิล์มกรองแสงรอบคัน ราคา 380,000 วอน หรือราวๆ 8,700 บาท, ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังอัลคันทาร่า ราคา 550,000 วอน หรือราวๆ 12,600 บาท และ แพ็คเกจ Walk-In Interior ซึ่งจะมีการตกแต่งด้วยไฟ LED กับกาบบันใดข้างประตู และอื่นๆอีกเล็กน้อย ในราคา 300,000 วอน หรือราวๆ 6,900 บาท ให้ซื้อเพิ่มได้อีก
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ อาจจะเป็นการสงวนไว้ทำตลาดเฉพาะในประเทศเกาหลีเท่านั้น ส่วนไทยจะมีให้เลือกหรือไม่ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากทางค่ายเผยออกมาทั้งสิ้นในตอนนี้