ภายในงาน Japan Mobility Show ฮอนด้าส่งรถต้นแบบมาโชว์กันหลายรุ่นรวมถึงรถที่ขายจริงในเวอร์ชัน Production และมาสะดุดกับ Honda CR-V e:HEV

ดูผิวเผินก็คือ Honda CR-V e:HEV RS ที่คล้ายเวอร์ชันไทยแต่ไม่คล้ายไปเสียหมดเริ่มที่ ชุดแต่งเกือบทั้งคันมาแบบสีดำเงา Gross Black ตั้งแต่ กระจังหน้าดีไซน์พิมพ์นิยมพร้อมตรา RS กันชนหน้าทูโทน
ราวหลังคาบิวอิน เสาอากาศครีบฉลาม กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ที่เปิดประตูดึงก้าน ชายกันกระแทกด้านล่าง คิ้วตกแต่งประตูข้าง ล้ออัลลอย 19 นิ้ว แบบสปอร์ตสีดำ พร้อมยาง 235/55R19 และสปอยเลอร์หลังทูโทน
พร้อมออปชันประจำรถทั้ง ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED พร้อมไฟตัดหมอกหลังแบบ LED สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close)

เติมเต็มประสบการณ์ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียมผสานแนวคิดระหว่างการใช้วัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน สีดำ แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
มีจอแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (HUD )เครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto สั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง) หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
ควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ พร้อม Honda Smart Key Card บันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่ง อาทิ ถาดคอนโซลกลาง แผงประตูหน้าและหลัง และที่วางแก้ว

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster และไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส และความสบายแบบ 5 ที่นั่ง
ขุมพลังเป็นฟูลไฮบริดด้วยเบนซิน e:HEV 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลัง 148 แรงม้า แรงบิด 183 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ พร้อม มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะได้พลังแรงสุด 207 แรงม้า
มาพร้อมสวิตช์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และโหมดการขับขี่แบบประหยัด (Econ Mode) คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) แบบกดปุ่ม Shift by Wire ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

และความปลอดภัย Honda Sensing ที่ให้มาครบกว่าไทยทั้ง ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSI) เตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (CTM) เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF) กล้องมองภาพรอบคัน (MVCS) เป็นต้น


และเป็นความภูมิใจของ ฮอนด้า ที่เลือกโรงงานประเทศไทยเป็นที่ประกอบและส่งกลับมาขายที่ญี่ปุ่นสำหรับ Honda CR-V e:HEV โดยเตรียมขายญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาวนี้ คาดว่าตั้งแต่ธันวาคมปีนี้จนถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า

