ออสเตรเลีย เป็นอีกตลาดสำคัญของ GWM Tank ที่สร้างชื่อจนได้รับความนิยมอย่างมาก นะ้นทำให้ในเร็วนี้ทางแบรนด์ตัดสินใจส่งเทคโนดลยีล่าสุด Tank 500 Hi4-T เตรียมเข้าทำตลาด
GWM Tank 500 Hi-4T หน้าตาไม่ต่างเวอร์ชันไฮบริดไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรงไฟหน้า ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60R18 ราวหลังคา บันไดข้างระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย เป็นต้น
เช่นกันกับภายในให้หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลพร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว
ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย จอสัมผัสแสดงข้อมูลในที่ท้าวแขนเบาะหลังตอนที่ 2 ขนาด 7 นิ้ว จัดการการตั้งค่าระบบความบันเทิง สภาพภูมิอากาศ ไฟส่องสว่างโดยรอบได้ และเบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA รองรับการโยสารสูงสุด 7 ที่นั่ง
แน่นอนไฮไลท์ในรุ่นนี้ คือ บขุมพลังใหม่ปลั๊กอินไฮบริด HI4-T แนะนำตัววางจำหน่ายไปแล้วในจีน ใช้เครื่องยนต์ เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว P2 กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 37.11 kWh
ทำกำลังขับรวมกันสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 120 กิโลเมตร (NEDC) และวิ่งไกลสุด 950 กิโลเมตร (NEDC) สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาที สูงสุด 50 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 6.5 ชั่วโมง
ทาง GWM พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาเพื่อให้รถคันนี้พร้อมสำหรับการขับใช้งานได้ทุกวันเสมือนรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อขับในเมือง และพร้อมเดินทางไกลได้ในวันว่าง
นอกจากนี้การได้แบตเตอร์รี่ใหญ่ ยังมอบฟังชั่น V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุดเป็น 6 kW
ความสามารถหารลุยก็ไม่ห่างหาย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีโหมดการขับขี่ถึง 11 โหมด สามารถในการลากจูงอยู่ที่ 3,000 กิโลกรัม มีล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) กับควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control)
และแม้มันจะเป็นรถไฮบริด จนกังวลเรื่องลุย แต่ทาง GWM ออกแบบเอาแบตเตอร์รี่ไว้ทางด้านท้ายรถใต้ห้องสัมภาระ เพื่อรองรับการลุยสมบุกสมบัน แตกต่างจาก Hi-4 Z ที่เน้นไปที่การใช้งานทางเรียบมากกว่า
ตามรายงานข้อมูลชี้ว่า GWM มีแผนแนะนำ Tank 500 Hi4T ในเร็วนี้ นับเป็นตลาดแรกๆ นอกประเทศจีนที่รถรุ่นนี้ทำตลาด ในฐานะตลาดสำคัญตลาดออกโรดในซีดโลกตะวันออก
ส่วนประเทศไทย เราจะต้อนรับระบบ Hi4 ในรถยนต์ตู้หรู ที่ทาง GWM มีแผนในการเปิดตัวในปลายปีนี้