Home » GWM TANK 500 ปรับโฉมหรูพร้อม LiDAR เปิดตัวจีน 25 กรกฎาคม
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

GWM TANK 500 ปรับโฉมหรูพร้อม LiDAR เปิดตัวจีน 25 กรกฎาคม

GWM เดินหน้าเปิดตัวรถใหม่อย่างต่อเนื่องล่าสุดเผยภาพ Official ของ GWM TANK 500 ปรับหน้าใหม่เพิ่มออปชันเพื่อสู้กับคู่แข่งระดับเดียวกัน

GWM

GWM TANK 500 ปรับหน้าใหม่ครั้งแรกในโลกที่เมืองจีนและเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 ปี เริ่มที่กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศแนวนอนใหม่ให้มีขนาดยาวขึ้นและโลโก้ TANK ที่ลงตัวปีกกระจังหน้าซ้าย-ขวา

สคูปเล็กๆบนหลังคานั่นคือ LiDAR บนหลังคาคาดว่ามาจากซัพพลายเออร์ Hesai Technology คาดเป็นรุ่น ATX เพื่อรองรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Level 2 ช่วยตรวจจับแสงและวัดระยะวัตถุที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาด้านหน้าของตัวรถ สามารถตรวจจับคนเดินเท้าที่ในระยะไกล ล้ออัลลอยลายเดิมหลายซี่เปลี่ยนสีมาเป็นสีเงินเงาขนาด 20 นิ้ว พร้อมขนาด 19 และ 18 นิ้วให้เลือก

ตกแต่งหรูด้วยกรอบโครเมียมที่กระจก บันไดข้างไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตูหรือ บันไดข้างขึ้นรูปแบบตายตัว หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิกขนาดใหญ่ เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว

ภายในเปลี่ยนเล็กน้อย ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านท้ายตัด หรือ 3 ก้านทรงเดิม ย้ายตำแหน่งเกียร์ไปยังคอพวงมาลัยหรือที่เรียกกันว่าเกียร์คอ ออกแบบปุ่มการทำงานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ล็อกเฟืองท้าย ควบคุมความเร็วขณะออกตัวและลงทางลาดชัน เป็นปุ่มบิดขึ้น-ลงกับปุ่มกดใช้งานง่ายขึ้น

หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay Android Auto MP5 Bluetooth ระบบนำทาง และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ มาพร้อมกับระบบ ปฏิบัติการ Coffee OS 3.0 หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า ลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง

เบาะนั่งทั้ง 5-7 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย พื้นที่ห้องโดยสารมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ

ขุมพลังมีหลากหลาย ทั้งเบนซินเทอร์โบคู่ Mild Hybrid V6 3.0 ลิตร รหัส GW6Z30 (E30Z) ให้กำลังมากสุด 360 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่น MHEV นี้เป็นแบบ Belt-driven integrated starter generator

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ฟังก์ชันล็อกแบบกลไก MLOCK  สามารถสลับโหมดได้ 4 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) และขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ (4A)

เบนซินเทอร์โบปลั๊กอินไฮบริด Hi4-T ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NB ตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวพร้อมมอบประสบการณ์การผจญภัยที่มีสีสันให้ผู้ขับขี่ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว P2 กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 37.1 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร

วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 110 กิโลเมตร (์WLTC) และวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 860 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.9 วินาที สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาที สูงสุด 20 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 6.5 ชั่วโมง คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter

และเบนซินเทอร์โบปลั๊กอินไฮบริด Hi4-Z ขุมพลัง 2.0 ลิตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เริ่มที่ล้อหน้ากำลังสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร และล้อหลัง 326 แรงม้า แรงบิด 415 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 59.05 kWh

โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 864 แรงม้า แรงบิด 1,195 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 201 กิโลเมตร (์WLTC) และวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 1,096 กิโลเมตร (WLTC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.6 วินาที สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% สูงสุด 163 kW ภายใน 15 นาที สูงสุด 20 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 7.5 ชั่วโมง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด DHT

ทั้งรุ่น Hi4-T และ Hi4-Z รองรับ V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุดเป็น 6 kW สามารถตอบสนองการทำงานพร้อมกันของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เตาอบไฟฟ้า โปรเจคเตอร์ ฯลฯ และสามารถปล่อยพลังงานได้อย่างต่อเนื่องที่โหลดเต็มนานกว่า 7 ชั่วโมง (พลังงานจากปลั๊กที่ติดมากับรถ 3.3 kW)

และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ สามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) โดยมีการปรับอัตราทดเกียร์ 4L เพิ่มขึ้นเป็น 2.64 จากเดิม 2.48 สามารถลุยทางลาดชันได้ทันใจขึ้น

GWM

GWM TANK 500 ไมเนอร์เชนจ์เปิดตัวที่จีน 25 กรกฎาคม ส่วนทางด้านเมืองไทยเปิดราคาอย่างเป็นทางการของเวอร์ชันเครื่องยนต์ดีเซล 2.4

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.