Home » GWM เผยสเป็ค TANK 500 DIESEL พร้อมราคาขายเริ่มต้น 1,399,000 บาท
รถใหม่ รถใหม่ในประเทศ

GWM เผยสเป็ค TANK 500 DIESEL พร้อมราคาขายเริ่มต้น 1,399,000 บาท

เปิดตัวอย่างเป็นทางการสักทีกับ New GWM TANK 500 Diesel ทางเลือกขุมกำลังใหม่ในราคาเริ่มต้นสุดเย้ายวนใจที่ 1,399,000 บาท

GWM TANK 500 DIESEL ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันกับ TANK 500 HEV นั่นคือยังคงใช้ โครงสร้างแชสซีย์แบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK มาพร้อมมิติตัวถังด้านกว้าง 1,934 มม, ด้านยาว 4,886 มม., และด้านสูง 1,905 มม., กับ ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ตามด้วยระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มม., ขนาดความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร

ระบบเบรกใช้แบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ตามด้วยระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ (Double-Wishbone) มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทาง ส่วนด้านหลังใช้ช่วงล่างแบบมัลติลิงก์ ช่วยสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะการควบคุมและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างลงตัว และหากเป็นรุ่นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ตไทม์ เสริมด้วยระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและหลังควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มขีดความสามารถในการลุยเส้นทางทุรกันดาร

ขณะที่ชุดล้อ หากเป็นรุ่น 2.4T PRO จะใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Westlake ขนาด 265/60 R18 ส่วนรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20

ภายในของห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยบรรยากาศอันโอ่อ่าและหรูหราภายใต้แนวคิด “ห้องโดยสารอัจฉริยะ” ผสานความล้ำสมัยเข้ากับความสบายอย่างลงตัว ด้วยวัสดุพรีเมียมและการออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางร่วมกับครอบครัว

โดยทุกรุ่นย่อยของ NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนี้

  • หน้าจอคู่ ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้ว ในรุ่น 2.4T PRO และขนาด 14.6  นิ้ว ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน การเล่นเพลง และแสดงผลแบบแยกหน้าจอได้

  • ระบบชาร์จไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง รองรับการชาร์จอุปกรณ์หลายชิ้นอย่างรวดเร็ว

  • เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างเดินทางไกล รองรับสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างลงตัว

  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองอากาศ N95 เพื่อคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารที่ดีต่อสุขภาพ

  • พื้นที่เก็บสัมภาระแบบยืดหยุ่น เบาะหลังพับได้แบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร
  • แพดเดิลชิฟต์บนพวงมาลัย เพิ่มความคล่องตัวในการควบคุมเกียร์ รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย

และหากเป็นรุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA ขึ้นไปจะมีการเพิ่มอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

  • ตกแต่งด้วยหนัง Nappa ระดับพรีเมียม มาตรฐานเดียวกับรถยนต์หรู เพื่อความรู้สึกพรีเมียมทั้งภาพลักษณ์และการใช้งาน

  • ระบบเสียงรอบทิศทางแบบพื้นฐาน จำนวน 12 ลำโพง ให้คุณภาพเสียงเหนือระดับ เสริมอรรถรสในการขับขี่

  • ระบบบันทึกตำแหน่งพร้อมระบบ Welcome seat ฟังก์ชันปรับเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อม VIP สวิตช์ สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ช่วยให้ง่ายต่อการขึ้น-ลงรถ

  • ระบบเบาะนวดไฟฟ้า สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่ พร้อมยกระดับความสบาย
  • หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เพิ่มแสงธรรมชาติและมุมมองอันกว้างขวาง สร้างบรรยากาศโปร่งโล่งสบายภายในห้องโดยสาร

และท้ายสุด สำหรับ NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD ก็จะมีการเพิ่มระบบเบาะระบายอากาศ สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและแถวสองเข้ามาเพื่อยกระดับความสบายของผู้โดยสารด้านหลังมากยิ่งขึ้น

นอกนั้น ตัวรถทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุมทั้งด้านความบันเทิง ความปลอดภัย การขับขี่ และเทคโนโลยีล้ำสมัยต่าง ๆ อาทิ

  • ระบบอัปเกรดเฟิร์มแวร์แบบ FOTA (Firmware OvertheAir) รองรับการอัปเดตระบบเกียร์ อัตราเร่ง ระบบช่วยขับขี่ ความบันเทิง และการควบคุมภายในห้องโดยสารผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ เช่น ปรับอัลกอริธึมโหมดออฟโรด และอัปเดตอินเทอร์เฟซของตัวรถ
  • ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Interaction System) รองรับคำสั่งภาษาไทย และอังกฤษ สำหรับควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และความบันเทิง
  • ระบบควบคุมรถจากระยะไกล (Remote Vehicle Control) ฟังก์ชันพื้นฐาน ได้แก่ สตาร์ทรถหรือดับเครื่อง จากระยะไกล, เปิด-ปิดแอร์, เปิด-ปิดประตู ปิดหน้าต่างและซันรูฟ, และตรวจสอบสถานะรถ เช่น แรงดันลมยาง และระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
  • ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย (Security Features) ประกอบด้วยระบบติดตามตำแหน่งรถ, การตั้งขอบเขตพื้นที่การใช้งาน (E-Fencing), และระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ (เช่น เช็กสถานะการเปิดประตู หรือหน้าต่าง)
  • ระบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้งาน (HMI Interaction)
    • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA: จอคู่แบบอินเทอร์แอคทีฟ แสดงแผนที่แบบแบ่งหน้าจอ, การมิเรอร์สื่อมัลติมีเดีย, และข้อมูลโหมดออฟโรด
    • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD: หน้าจอ UI พิเศษสำหรับออฟโรด แสดงค่าความลาดเอียงภูมิประเทศ สถานะการล็อกดิฟเฟอเรนเชียล และโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลุยเส้นทางสมบุกสมบัน

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+

  • การขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและลดภาระผู้ขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์ ได้แก่
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC): รองรับความเร็ว 0–150 กม./ชม. คงระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานระบบช่วยเปลี่ยนเลน (LCA – Lane Change Assist): ตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดของกระจกข้าง หรือรถที่วิ่งมาเร็วจากเลนข้างเคียง พร้อมแสดงไฟเตือนฝั่งที่มีความเสี่ยง เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากการเปลี่ยนเลน (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ ULTRA 4WD)ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW – Forward Collision Warning): ช่วยลดความเสี่ยงจากการเบรกไม่ทัน เพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA – Lane Keeping Assist): ช่วยปรับพวงมาลัยอัตโนมัติหากรถเบี่ยงออกนอกเลน เพื่อให้รถคงอยู่ในเส้นทางที่ปลอดภัย
    • ระบบควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน / ระบบช่วยในสภาพการจราจรติดขัด (HWA/TJA – Highway Assist / Traffic Jam Assist): ช่วยควบคุมรถทั้งในช่วงขับขี่ทางตรงยาวนานหรือในสภาพรถติด โดยรักษารถให้อยู่กลางเลน และตามความเร็วหรือระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างแม่นยำ ลดภาระผู้ขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยบนทางด่วน
  • ระบบความปลอดภัยเชิงรุก (Active Safety)
    • LDW (Lane Departure Warning): ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยตรวจจับเส้นจราจรผ่านกล้องแบบเรียลไทม์ หากรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป และเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะแจ้งเตือนผ่านเสียง ภาพ และการสั่นภายใน 0.5 วินาทีHSA (Hill Start Assist): ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันรถไหลถอยหลังELK (Emergency Lane Keeping): ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีรถใกล้เคียงในระหว่างเปลี่ยนเลน เพื่อหลีกเลี่ยงการชน เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในเมืองRCTA (Rear Cross-Traffic Alert): ระบบเตือนรถสัญจรขณะถอยหลัง โดยตรวจจับรถที่เคลื่อนที่จากด้านข้าง (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)RCTB (Rear Cross-Traffic Braking): ระบบเบรกฉุกเฉินขณะถอยหลัง หากผู้ขับไม่ตอบสนองต่อการเตือน ระบบจะเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงในการชน (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)MEB (Mild Off-Road Braking): ระบบเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำ (≤8 กม./ชม.) ขณะลุยทางออฟโรด หากตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านข้าง ระบบจะเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงการชน เหมาะกับสถานการณ์ลุยสุดขีดHDC (Hill Descent Control): ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ช่วยให้รถลงทางชันหรือพื้นที่ลื่นได้อย่างมั่นคง ลดภาระผู้ขับขี่EBD (Electronic Brake-force Distribution): ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบสภาพล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับแรงเบรกอย่างเหมาะสม เพิ่มความมั่นคงขณะเบรกBAS (Brake Assist System): ระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เพื่อลดระยะเบรกและลดความเสี่ยงจากการชนRMI (Roll Movement Intervention): ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ โดยตรวจสอบท่าทางของรถอย่างต่อเนื่อง และลดแรงบิดรวมถึงเบรกอัตโนมัติเพื่อรักษาสมดุลTCS (Traction Control System): ระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อ โดยตรวจจับความเร็วของล้อขับเคลื่อน หากล้อหมุนฟรี ระบบจะปรับแรงบิดให้เหมาะสม เพื่อให้รถมีแรงยึดเกาะที่ดีขึ้นเซนเซอร์จอดด้านหน้า 6 จุด / ด้านหลัง 6 จุด: ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบคัน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ระหว่างจอดรถ (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 540°: ความละเอียดระดับเมกะพิกเซล แสดงภาพรอบคันแบบเรียลไทม์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่และจอดรถ
    • TPMS (Tire Pressure Monitoring System): ระบบตรวจสอบแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ แสดงข้อมูลแรงดันและอุณหภูมิของยางแต่ละเส้น พร้อมแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ
  • ระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety)
    • โครงสร้างตัวถังออกแบบในรูปแบบโครงนิรภัย (CageType) เพื่อสร้างช่องทางการถ่ายเทแรงกระแทกรอบทิศทาง ช่วยกระจายแรงปะทะได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริเวณโครงสร้างรับแรงหลักใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูงพิเศษ (Ultra-High Strength Steel) ที่มีค่าความเค้นสูงสุด(Yield Strength) เกิน 1,500 MPa เพื่อลดการยุบตัวของหลังคาในกรณีเกิดแรงกระแทก
    • โครงสร้างหลังคาสามารถรองรับแรงกดได้สูงถึง 96.58 กิโลนิวตัน ขณะที่ตัวถังมีความแข็งแรงต่อแรงบิด (Torsional Stiffness) สูงถึง 23,076 นิวตันเมตร และความแข็งแรงต่อการดัดงอ (Bending Stiffness) 5,602 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถทนต่อแรงกดบนหลังคาได้มากกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า
    • แชสซีแบบตัวถังบนเฟรมที่ใช้เหล็กกล้าแรงสูงเป็นพิเศษ ช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารขณะเกิดการชน เสริมความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสาร
    • คอพวงมาลัยแบบยุบตัวดูดซับแรงกระแทกได้ (Crushable EnergyAbsorbing Steering Column) ช่วยลดแรงที่ส่งถึงคนขับเมื่อเกิดการชน ปกป้องความปลอดภัยของผู้ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ
    • มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย) โดยม่านนิรภัยใช้กระบวนการขึ้นรูปแบบ OPW (One-Piece Woven) เพื่อรักษาความดันลมอย่างมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้อง
    • เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 1 จุด (Dual Pretensioners) ช่วยรัดบริเวณเชิงกรานและหน้าอกของผู้โดยสารทันทีในช่วงเริ่มต้นของการชน ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ
    • ฟังก์ชันปลดล็อกประตูอัตโนมัติและตัดระบบจ่ายน้ำมันเมื่อเกิดการชน: รถจะทำการปลดล็อกประตูโดยอัตโนมัติ เปิดไฟฉุกเฉินและไฟเบรก พร้อมตัดวงจรปั๊มน้ำมันทันที เพื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

ไฮไลท์สำคัญของ GWM TANK 500 DIESEL คือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร พ่วงเทอร์โบแปรผัน (VGT) เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร รองรับการเดินทางไกลด้วยระยะทางขับขี่รวมมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง

และยังมีโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมด นั่นคือ

  • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T PRO และ 2.4T ULTRA มาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด
  • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD มาพร้อม 8 โหมดการขับขี่ ได้แก่
    • โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนนและออฟโรดอย่างมั่นใจ
    • นอกจากนี้ รุ่น 2.4T ULTRA 4WD ยังยกระดับความคล่องตัวและความมั่นใจในการขับขี่ด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (Tank Turn), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับทางออฟโรด (Off-road Cruise Control) ระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock)

โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ New GWM TANK 500 Diesel แบบมีโปรโมชันส่วนลดพิเศษ 500 คันแรก จะถูกแบ่งออกตาม 5 รุ่นย่อย ดังนี้

  • New GWM TANK 500 Diesel 2WD Pro : 1,399,000 บาท
  • New GWM TANK 500 Diesel 2WD Ultra : 1,499,000 บาท
  • New GWM TANK 500 Diesel 4WD Ultra : 1,599,000 บาท
  • New GWM TANK 500 Diesel 4WD Ultra “Black Warrior Edition” : 1,529,000 บาท
  • New GWM TANK 500 Diesel 4WD Ultra “Black Warrior Edition” : 1,629,000 บาท
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.