เปิดตัวขายจีนมา 3 ปี สมควรแก่เวลาที่จะต้องมีรุ่นไมเนอร์เชนจ์และนี่คือการไมเนอร์ครั้งแรกของ GWM TANK 400 Hi4-Z
ภายนอกปรับใหม่เริ่มที่ กระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 2 แถบ มีโลโก้ TANK ปรับกรอบของกระจังหน้าใหม่สีดำเพื่อรับกับกันชนหน้าออกแบบใหม่ดูบึกบึนกว่าเดิม ปรับดีไซน์ไฟตัดหมอกหน้า LED ใหม่เป็นแนวนอน พร้อมไฟหน้า LED โคมเดิมทรงเหลี่ยมพร้อมไฟ DRL แบบ LED รูปตัววีในโคมเดียวกันลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรงไฟหน้า
ด้านข้างกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้าดีไซน์ใหม่กลมกลืนขึ้น และ LiDAR ติดบนหลังคารถ ด้านท้ายใหม่ปรับตำแหน่งตราสัญลักษณ์ใหม่เริ่มที่ GWM TANK อยู่ด้านบนฝั่งซ้าย และ ชื่อ “Great Wall Motors อยู่ฝั่งขวาด้านบน โดย TANK 400 อยู่ด้านล่างฝั่งซ้ายและ Hi4-T/Hi4-Z ด้านล่างฝั่งขวา พร้อมกันชนหลังออกแบบใหม่ มีกรอบแผงทับทิมสีแดงทรง 5 เหลี่ยมดูลงตัวมากขึ้น
ภายในปร้บใหม่คันเกียร์ไปอยู่ที่พวงมาลัยหรือที่เรียกว่าเกียร์คอ ออกแบบปุ่มการทำงานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ล็อกเฟืองท้าย ควบคุมความเร็วขณะออกตัวและลงทางลาดชัน เป็นปุ่มบิดขึ้น-ลงกับปุ่มกดใช้งานง่ายขึ้นพร้อมออปชันเดิมทั้ง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงเดิมปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย มาตรวัดความเร็ว LCD 12.3 นิ้ว หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัสขนาด 16.2 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay Android Auto MP5 Bluetooth ระบบนำทาง และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าตู้เย็นในกล่องคอนโซลกลางควบคุมอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -6°C ถึง 50°C พร้อมจอเพดานขนาด 15.6 นิ้ว
กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ 3 โซน พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว และอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
ขุมพลังใหม่ปลั๊กอินไฮบริด Hi4-Z ด้วย เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NB ให้กำลัง 252 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เริ่มที่ล้อหน้ากำลังสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร และล้อหลัง 326 แรงม้า แรงบิด 415 นิวตันเมตร
ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 59.05 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 864 แรงม้า แรงบิด 1,195 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 201 กิโลเมตร (์WLTC) และวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 1,096 กิโลเมตร (WLTC) สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% สูงสุด 163 kW ภายใน 15 นาที และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 7.5 ชั่วโมง พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด DHT
และยังมีปลั๊กอินไฮบริด Hi4-T ใช้เครื่องยนต์เบนซินเดียวกันแต่ต่างที่ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว P2 พัฒนาใหม่ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 37.1 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 105 กิโลเมตร (WLTC) สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาที สูงสุด 103 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6 kW ได้ 6.5 ชั่วโมง คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Intelligent four-wheel drive system ในรุ่น Hi4-T และ Intelligent electric four-wheel drive system ในรุ่น Hi4-Z พร้อมรองรับ V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุดเป็น 6 kW เบื้องต้นเตรียมเปิดตัวที่จีนเร็วๆนี้