หากพูดถึงรถกระบะ 4 ประตูยกสูงยอดนิยม นาทีนี้ Ford Ranger น่าจะเป็นตัวเลือกที่ใครหลายคนชื่นชอบ ทั้งจากความหล่อเหลา ทันสมัย และวันนี้ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นกับไลน์อัพใหม่ “Extra Pack”

Ford Ranger “Extra Pack” คือไลน์อัพพิเศษของรถกระบะ Ford Ranger ที่ทาง Ford ประเทศไทย สร้างขึ้นมาเพื่อเสริมความคุ้มค่า และน่าสนใจให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบในการตกแต่งรถกระบะของตนให้มีทั้งความหล่อเหลา และยังต้องใช้งานได้จริงในเวลาเดียวกัน

เริ่มจากตัวเริ่มต้น Ford Ranger XLS “Extra Pack” คือตัวรถ Ford Ranger XLS ที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าสายใช้งานจริง วิ่งงานแต่ยังมีการใส่ภาพลักษณ์คมเข้มด้วยชุดแต่งกระจังหน้าสีดำ, กรอบกระจกมองข้างสีดำ, ชิ้นตกแต่งแก้มข้างสีดำ, กันชนท้ายสีดำ, และชุดล้อขอบ 18 นิ้วสีดำ

และที่พิเศษขึ้นมาในตัวรถรุ่นใหม่นี้ ก็คือการที่มันจะมาพร้อมกับชุดโรลบาร์เหล็กชิ้นใหญ่สีดำด้าน ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความสวยงาม และอรรถประโยชน์ในการใช้งานได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสติกเกอร์ตกแต่งดีไซน์ใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่น สะกดสายตาผู้พบเห็นทางด้านท้ายรถมาให้อีก

ต่อกันด้วย Ford Ranger Wildtrak “Extra Pack” ซึ่งเดิมทีตัวรถ Ranger Wildtrak ก็เกิดมาเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์การใช้งานของผู้ที่มีครอบครัว และออกไปทำกิจกรรมลุยๆในวันว่าง และติดความหล่อที่ต่างจาก Ranger รุ่นอื่นๆด้วย กันชนหน้าดีไซน์พิเศษ, กระจังหน้าสีเทา, ครอบกระจกมองข้างสีเทา, แร็คหลังคาทรงสูง, และสปอร์ตบาร์ รวมถึงการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยโทนสีดำ-เหลือง อันเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว

และสำหรับตัวรถรุ่นพิเศษนี้ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมา ก็จะเป็นในส่วนของการติดสติ๊กเกอร์แถบล่างตัวรถ ตั้งแต่แนวแก้มข้างซุ้มล้อหน้า พาดยาวไปจนถึงประตูคู่หลัง

ยังไม่พอ ชุดล้ออัลลอยด์ขอบ 18 นิ้ว ก็มีการเปลี่ยนลวดลายใหม่ เป็นแบบบีดล็อก ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากล้อของรถออฟโร้ดสายลุยตัวจริง และช่วยทำให้ตัวรถดูดุดันขึ้นอีกขั้น

โดยตัวรถทั้งสองรุ่นข้างต้น จะยังคงใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ดีเซล เทอร์โบเดี่ยว ขนาด 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มอบกำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร

อัดแน่นด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์เจ้าของรถเรนเจอร์ไม่ว่าจะเป็นบันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย ฝาท้ายกระบะที่สามารถปรับเป็นโต๊ะทำงานช่างอเนกประสงค์ พร้อมจุดยึดอุปกรณ์ช่าง 2 จุด และไม้บรรทัดวัดขนาดแบบ Built-in ที่แบ่งระยะวัดทุก 10 มิลลิเมตร

และยังมีชุดจออินโฟเทนเมนท์พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ ใส่มาให้แบบครบๆในทั้งสองรุ่นย่อย แต่อาจจะแตกต่างกันที่ขนาดเล็กน้อยตามราคาที่จ่ายไป

นอกจากนี้ Ford Ranger Raptor Extra Pack ที่เป็นรุ่นท็อปสุด ก็จะมาพร้อมกับสติ๊กเกอร์ลายใหม่ ที่จะปิดไว้ทางกระบะซ้าย-ขวา และฝาท้ายอีกเล็กน้อย โดยลวดลายนี้ถูกออกแบบใหม่มีความซิ่ง มากกว่าความลุยเหมือนอย่างที่หลายคนเคยเห็นกันในอดีต

และเพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งาน ทาง Ford จึงจัดการติดตั้งสปอร์ตบาร์ด้านหลัง แบบเดียวกับของ Wildtrak มาให้ด้วย เพียงแต่จะทำสีต่างกันเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากันกับลักษณะการใช้งานของตัวรถ

นอกนั้นในส่วนรายละเอียดอื่นๆของ Ranger Raptor รุ่นนี้ ก็จะยังคงโดดเด่นด้วยตัวถังเหลี่ยมสันพร้อมคิ้วซุ้มล้อขนาดใหญ่, ระบบช่วงล่างออกแบบมาเฉพาะเพื่อการบุกตะลุยทำงานร่วมกับโช้คอัพจาก Fox พร้อมระบบ Live Valve Internal Bypass 2.5 เพื่อปรับค่าการทำงานให้เหมาะกับโหมดการขับขี่, ระบบวาล์วคุมระดับเสียงและโทนเสียงจากท่อไอเสีย

และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เครื่องยนต์ เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 เทอร์โบคู่ พละกำลังสูงสุด 397 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 583 นิวตัวเมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time พร้อมระบบล็อคเฟืองขับเคลื่อนไฟฟ้า 3 จุด

โดย Ford Ranger Extra Pack ทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมการรับประกันนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และมีราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการดังนี้

• Ford Ranger XLS – Extra Pack : จำหน่ายในราคาพิเศษ 809,000 บาท (จากราคาปกติ 934,000 บาท) ตั้งแต่ 12 กันยายน 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2568 มีสีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว อาร์คติค ไวท์ และสีเทา เมทิเออร์ เกรย์
• Ford Ranger Wildtrak – Extra Pack : จำหน่ายในราคา 1,104,000 บาท พร้อมฟรีประกันภายชั้นหนึ่งมีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์ สีขาว อาร์คติค ไวท์ สีเทา เมทิเออร์ เกรย์ และสีดำ แอบโซลูท แบล็ก
• Ford Ranger Raptor – Extra Pack : จำหน่ายในราคา 1,984,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง มีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ แอบโซลูท แบล็ก สีขาว อาร์คติค ไวท์ สีเทา คอมมานด์ เกรย์ และสีส้ม โค้ด ออเรนจ์