ผ่านไปเกือบ 3 เดือน หลังจากที่มีข้อมูลหลุดออกมา ในที่สุด Ford Bronco EV ก็ได้พร้อมแล้วสำหรับการวางขายจริง โดยจะประเดิมการขายกันก่อนเลยในประเทศจีน

Ford Bronco EV ถูกเปิดตัวพร้อมงานดีไซน์ที่คล้ายกับ Ford Bronco Sport ในสหรัฐอเมริกา แต่มีจุดเปลี่ยนหลายอย่างที่ต่างกันตามรูปแบบขุมกำลังและความต้องการของลูกค้าในประเทศจีน
นั่นคือการได้ไฟท้ายโคมไสสีรมดำตามฉบับรถยนต์ขุมกำลังไฟฟ้า ซึ่งดูสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ และมีการยืดตัวถังให้มีความยาวสุทธิที่ 5,025 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อเป็นตัวเลข 2,950 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้มากขึ้น และแน่นอนว่ายังรวมถึงตอนพับเบาะแถว 2 และ 3 ราบลง เพื่อทำเป็นห้องนอนส่วนตัวตอนพาครอบครัวไปแคมป์ปิ้งก็ด้วย
และด้วยความที่ทางค่ายตั้งใจให้มันเป็นรถสำหรับการแคมป์ปิ้ง ดังนั้นมันจึงมีลูกเล่นเสริมอย่างเช่น ฝาท้ายพร้อมคานแม่เหล็ก และแผ่นพับที่สามารถกางออกมาเป็นโต๊ะวางสัมภาระของวางของได้ หรือหากผู้ใช้ต้องการทำครัว ก็สามารถนำมีดไปแปะไว้ที่คานแม่เหล็กบนฝาท้ายได้เลยเรียกได้ว่าสะดวกสบายสุดๆ
หรือหากคุณมองว่ารถยังดูอินกับการแคมป์ปิ้งไม่พอ ทางแบรนด์ยังมีทางเลือกหลังคาแก้วที่สามารถยกและแหงนด้านท้ายขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารด้านบนให้สูงขึ้นอีก ช่วยเพิ่มความโปร่งสบายได้เป็นอย่างดี
ในด้านขุมกำลังตัวรถ จะมีทั้งรุ่นขุมกำลังมอเตอร์คู่ มอบกำลังสูงสุด 451 แรงม้า PS ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 105.4 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 650 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน CLTC แต่ทางค่ายยังไม่มีการเปิดเผยออกมาว่ามันจะมีขีดความสามารถในการชาร์จไฟกลับเท่าไหร่ หรือสามารถรองรับน้ำหนักในการลากจูงได้มากน้อยแค่ไหน
และหากใครที่ยังไม่สันทัดในการใช้รถขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน ทางค่ายก็ยังมีตัวรถรุ่นขุมกำลัง REEV ที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้เล็กลงเหลือ 43.7 kWh และปรับมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีกำลังรวมน้อยลงหน่อยเหลือ 421 PS เพื่อให้มันสามารถวิ่งด้วยโหมดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 220 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน CLTC และจะมีเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร มารับหน้าที่คอยชาร์จไฟให้อีกทาง ซึ่งหากทั้งระบบทำงานร่วมกัน ก็จะทำให้รถสามารถวิ่งได้ไกลสุดถึง 1,220 กิโลเมตร ต่อน้ำมัน 1 ถัง + แบตเตอรี่ 1 ชาร์จ

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่เบื้องต้นทางค่ายได้มีการเปิดรับจองแล้วเป็นที่เรียบร้อยในประเทศจีน เพื่อเตรียมแผนการผลิตต่อไป ก่อนส่งมอบอีกครั้งภายในไม่เกินสิ้นปีนี้
และสำหรับใครที่สนใจ อาจจะต้องรอกันไปยาวๆ หรืออาจได้แต่รอเก้อ เพราะดูเหมือนว่าทาง Ford จะมีแผนวางจำหน่ายตัวรถรุ่นนี้แค่เฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเองก็ยังไม่มีลุ้น