เปิดตัวที่จีนในนาม BYD TANG L ล่าสุด BYD เตรียมส่งรุ่นนี้ไปขายยังต่างประเทศประเดิมตลาดพวงมาลัยขวาที่แรกของโลกที่ออสเตรเลีย

พร้อมกันนี้ยังตั้งชื่อรุ่นรถใหม่สำหรับตลาดต่างประเทศในนาม BYD SEALION8 เอสยูวีรุ่นใหญ่เจนใหม่ภายนอก คล้ายกับจีนต่างที่ชุดกระจังหน้าโครเมียมคลาสสิกแบบ 3 มิติที่เรียกว่า Dragon Mustache พร้อมตรา BYD แทนตราตระกูล ถัง ภาษาจีน พร้อมไฟวิ่งกลางวัน DRL แบบ LED 2 เส้น พร้อมชุดไฟหน้า LED 2 ดวง แยกส่วน พร้อมกรอบทรงเลข 7 สองฝั่งทรงหรูในชุดกันชนหน้าดีไซน์ล้ำพร้อมช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมูสีดำ
ด้านข้างเท่ด้วยคิ้วสีเงินโครเมียมแนวยาวพร้อมคำว่า BYD Design บริเวณบังโคลนหน้าและประตูคู่หน้า พร้อมกระจกโอเปร่าสไตล์ยุโรป ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวรถ หลังคาซันรูฟ ไฟท้าย LED แนวยาวแบบ Phoenix Wings พร้อมตรา BYD อยู่ใต้ไฟท้ายเรืองแสงกันชนหลังเสริมลิ้นกันชนหลังและล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20-21 นิ้ว
ภายในติดตั้งเบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนัง 3 แถว 7 ที่นั่งแบบ 2+3+2 เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบความจำสำหรับเบาะคนขับ มีระบบระบายอากาศ เป่าเบาะเย็น อุ่นเบาะและนวดเบาะได้ เบาะหลังตอนที่ 2 พับได้แบบ 60/40 พร้อมระบายอากาศ อุ่นเบาะและนวดเบาะได้ ปรับเลื่อนได้ด้วยระบบไฟฟ้า และตอนที่ 3 พับได้แบบ 50/50 มีพื้นที่ด้านท้าย 675 ลิตร และเมื่อพับเบาะตอน 3 มีพื้นที่ 960 ลิตร และพับทั้งตอน 2 และ 3 มีพื้นที่มากถึง 1,960 ลิตร

กระจกประตู 4 บานแบบ 2 ชั้นอย่างหนาเพื่อเพิ่มความรู้สึกเงียบสงบ และยังมีตู้เย็นขนาดเล็ก พร้อมเครื่องปรับอากาศแยกอิสระอุณหภูมิซ้าย-ขวา และด้านหลังถึง 3 โซน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด จอ Driver Display แสดงผลในรูปแบบดิจิตอล LCD ให้เลือกทั้งแบบ 10.25 นิ้ว ถัดไปอีกเล็กน้อยคือ AR-HUD Head-up Display 26 นิ้วแสดงข้อมูลที่จำเป็นโดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเบื้องหน้าส่วนจอแสดงผล ระบบ Infotainment ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 15.6 นิ้ว ปรับหมุนได้ด้วยระบบไฟฟ้า เชื่อมต่อ Apple Car Play, Android Auto รองรับ 5G
พร้อมลำโพง 8 จุด คุณภาพ DiSound ให้เลือก ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50W หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ระบบการเข้ารถและสตาร์ทแบบ Keyless ทำงานร่วมกับกุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC
รุ่น Plug In Hybrid หรือ DM-i เจเนอเรชันที่ 5 ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD ให้ความจุแบต 35.6 kWh จากพื้นฐานเครื่องเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 156 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร
เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.9 วินาที วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 215 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC
และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และด้านหลังให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 355 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 4.3 วินาที วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 200 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC
ทั้ง 2 แบบ สามารถชาร์จกระแสตรง DC และกระแสสลับ AC พร้อมโหมดการขับขี่ EV/HEV/SPORT/ECO/NORMAL/SNOW และ Mud/Sand/All Terrain Mode ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ มีระบบการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) และความปลอดภัย ADAS เบื่องต้นเตรียมขายออสเตรเลียต้นปี 2026