จากการเปิดตัว BYD XIA เอ็มพีวีหรูพลังปลั๊กอินไฮบริดที่จีนและเตรียมที่จะบุกตลาดต่างประเทศพร้อมเปลี่ยนชื่อรุ่นให้เหมาะสมนั่นคือ BYD M9

ไม่ว่าจะใข้ชื่อ BYD M9 หรือ BYD XIA ก็ยังเป็นเอ็มพีวีหรูที่มีความโดดเด่นเป็นตัวของตัวเองหรูหราเด่นสง่าเริ่มที่กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ชุบโครเมียม พร้อมตราโลโก้ BYD แทนตรา Xia (夏) ปักอยู่บนกระจังหน้า ไฟหน้า LED กับไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกันทรงยาว ชุดตกแต่งสีเงินโครเมียมที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้าไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential และล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายหรู
ภายในมีสไตล์หรูด้วยห้องโดยสารอัจฉริยะ DiLink 150 Cockpit ประกอบด้วยแผงคอนโซลพร้อมชุดมาตรวัดความเร็วขนาด 12.3 นิ้ว จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ จอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า HUD 26 นิ้ว
มีจอสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า 12.3 นิ้ว และจอเพดานพับเก็บได้ขนาด 15.6 นิ้ว กระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่ง (รุ่นท็อป) ลำโพงจาก DiSound 28 จุด เพาเวอร์แอมป์แยกอิสระ 32 ชาแนล ซับวูฟเฟอร์แถวที่สามสามารถแยกเป็นลำโพงบลูทูธสำหรับกลางแจ้งได้ด้วยกำลังไฟภายนอก 170 วัตต์ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด ที่ชาร์จมือถือไร้สายคู่กำลังการชาร์จ 50W
ช่องเก็บของหลายจุด ที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระพร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 ไฟสร้างบรรยากาศ ambient lights ภายในปรับโทนสีภายในเป็นสีดำผสมสีน้ำตาลเน้นความล้ำสมัยหุ้มหนัง NAPPA มาแบบ 7 ที่นั่งแบบ 2+2+3 เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า แถวที่ 2 เบาะนั่งมาแบบ Captain Seat VIP ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมถาดสารพัดประโยชน์พับเก็บได้ในตัวเบาะจะมีปุ่มควบคุมบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังของคอนโซลกลาง
เบาะ 2 ตอนหน้ามาพร้อมระบบอุ่นเบาะและเบาะเย็น รวมถึงระบบนวดฝั่งคนขับ เบาะนั่งตอนที่ 3 ปรับพับราบไปกับพื้นได้ด้วยระบบไฟฟ้าด้วยปุ่มเดียวสามารถเลื่อนหน้าเลื่อนหลังได้สูงสุด 100 มิลลิเมตร เบาะนั่งแถวที่ 2 มาแบบ zero gravity เพื่อสรีระที่แตกต่างปรับเอนได้มากขึ้นพร้อมฟังก์ชันนวด 10 จุดและความจำตำแหน่งเบาะ มีพื้นที่ท้ายรถมีความจุ 470 ลิตร ขยายได้สูงสุด 2,036 ลิตรเมื่อพับเบาะและ มีตู้เย็นบริเวณตอนที่ 2 เก็บอุณหภูมิความเย็นตั้งแต่ -6 จนถึง 6℃ และอุ่นความร้อนที่อุณหภูมิ 35-50℃
พลัง Plug In Hybrid DM-i เจนที่ 5 แบบเบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่น TZ210XYD ให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร แบ่งเป็น 2 รุ่นเริ่มที่รุ่นวิ่งอีวี 100 กิโลเมตร จับคู่แบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD ให้ความจุแบต 20.39 kWh วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 100 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.1 วินาที ชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 41 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 7 kW
รุ่นวิ่งอีวี 180 กิโลเมตร จับคู่แบตเตอรี่ lithium iron phosphate (LFP) จาก BYD ให้ความจุแบต 36.6 kWh วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 150 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC หรือ 145 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 945 กิโลเมตร ประหยัดทั้งระบบ 17.8 กิโลเมตรต่อลิตร ชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 73 kW ภายใน 18 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 7 kW
มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) 6kW สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ มีระบบการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) โดยเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าและอาจเสริมรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อตามมาด้วย กับช่วงล่าง DiSus-C ปรับความหนืดได้เหมาะสมตามสภาพพื้นผิวการจราจร พร้อมปรับปรุงชิ้นส่วนช่วงล่างด้านหลัง ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ DiPilot ADAS นุ่มนวลถึงใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อ
BYD M9 เตรียมเปิดตัวที่เม็กซิโก 25 มิถุนายน จับตาเวอร์ชันพวงมาลัยขวาจะมีโอกาสเข้าขายไทยด้วยหรือไม่ต้องติดตาม