ผ่านไป 4 เดือนนิดๆ หลังการเผยโฉม All-New Mercedes-Benz CLA ร่างซีดาน ตอนนี้ก็ถึงเวลาของการเผยโฉมร่างตัวถังวากอน หรือ “Shooting Brake” กันบ้าง และแน่นอนว่ามันยังมาพร้อมกับขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน “EQ Technology” อีกด้วยตามคาด
หน้ารถเหมือนเดิม เพิ่มเติมความเปลี่ยนแปลงของทรงตัวถังตั้งแต่แนวเสา B เป็นต้นไป ด้วยการวาดแนวหลังคาที่ลาดเอียงน้อยลง เพื่อเพิ่มพื้นที่เหนือศรีษะผู้โดยสารแถว 2 ขึ้นอีก 26 มิลลิเมตร และขยายขนาดพื้นที่เก็บของสัมภาระด้านหลังเป็นสูงสุด 1,290 ลิตร เมื่อมีการพับเบาะแถว 2 ตามฉบับรถทรงวากอน โดยที่แนวหลังคาเกือบทั้งหมด จะเป็นหลังคากระจก พาโนรามิค กลาสรูฟ และด้านท้ายก็จะมีสปอยเลอร์หลังขนาดเล็กพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3
นอกนั้นในส่วนรายละเอียดการออกแบบตัวรถช่วงครึ่งล่างยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาไฟหน้า, ไฟท้าย, หรือแม้แต่ดีไซน์กันชนหน้า สเกิร์ตข้าง และกันชนท้าย รวมไปถึงชุดล้อ ยังคงใช้งานออกแบบเดียวกันทั้งหมด
และหากเทียบขนาดตัวรถกับรุ่นพี่ร่างเดียวกับ CLA Shooting Brake รุ่นใหม่ล่าสุด ก็จะมีขนาดตัวด้านยาวที่มากขึ้นกว่าเดิม 35 มิลลิเมตร, ด้านกว้างมากขึ้น 25 มิลลิเมตร, และด้านสูงมากกว่าเดิม 27 มิลลิเมตร รวมถึงระยะฐานล้อที่ยาวกว่าเดิมอีก 61 มิลลิเมตร แต่ความสามารถในการลากจูงยังคงเท่าเดิมที่ 1,800 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสารเอง หากมองไปแค่ที่คอนโซลหน้า แผงประตู และเบาะนั่งต่างๆ ก็แน่นอนว่ามันต้องใช้ชิ้นส่วนที่ยกมาจากตัวรถร่างซีดานเช่นกัน ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่า หน้าตาพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หน้าจอกลางแบบ MBUX Superscreen ล้วนยังคงเหมือนเดิมทั้งหมด
สิ่งที่ต่างออกไป จึงมีเพียงแค่หลังคากระจกที่เราระบุไว้ก่อนหน้านี้ ว่ามันมีขนาดเกือบเต็มพื้นที่แนวหลังคา และด้วยขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ของมันนี้เอง จึงทำให้ทาง Mercedes ต้องเพิ่มชั้นเคลือบกรองรังสียูวี ทางด้านในให้มากขึ้น เพื่อลดความร้อนภายในห้องโดยสาร
และในช่วงเวลาค่ำคืน มันยังสามารถเรืองแสงสะเก็ดดาวได้อีก 158 ดวง เพื่อเพิ่มบรรยากาศโรแมนติคชวนฝันให้ผู้โดยสารภายใน แต่หากในยามกลางวันแดดยังร้อนเกินไป ผู้ซื้อก็ยังสามารถเลือกออพชันระบบปรับความทึบหลังคาจากแบบกระจกไสเป็นกระจกฝ้าได้อีก
ด้านขุมกำลังเบื้องต้นตอนนี้จะมีการประกาศข้อมูลออกมาแค่เฉพาะรุ่นขุมกำลังไฟฟ้า “with EQ Technology” เท่านั้น ส่วนรุ่นขุมกำลังพลังงานสันดาปภายใน Mild-Hybrid จะมีการประกาศข้อมูลภายหลังในปีหน้า
และเมื่อกับมาที่ตัวรถ CLA Shooting Brake ขุมกำลังไฟฟ้า เราก็จะพบว่ามันมีทางเลือกอยู่ 2 ระดับด้วยกัน เริ่มจาก CLA 250+ ซึ่งจะได้มอเตอร์เดี่ยว กำลังสูงสุด 268 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร ช่วยให้รถสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนรุ่น CLA 350 ก็จะได้มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4MATIC ให้กำลังรวมสูงสุด 349 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 515 นิวตันเมตร ช่วยให้รถสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5.0 วินาที แต่ยังคงทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่าตัวล่าง
แบตเตอรี่ที่ให้มา จะมีขนาดเท่ากันทั้ง 2 รุ่น นั่นคือแบตเตอรี่ NMC ขนาด 85 kWh ซึ่งรองรับความสามารถในการชาร์จไฟด้วยระบบ DC กำลังสูงสุด 320 kW และทำให้รถสามารถชาร์จไฟสำหรับการวิ่งเป็นระยะทางสูงสุด 310 กิโลเมตร ภายใน 10 นาที ขณะที่ระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP จะอยู่ที่ 761 กิโลเมตร ในรุ่น CLA 250+ และลดลงเหลือ 730 กิโลเมตร ในรุ่น CLA 350
ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวรถ ยังไม่มีการเผยออกมา แต่คาดว่าจะค่อยๆทยอยประกาศหลังจากนี้ในแต่ละประเทศโซนยุโรป ส่วนในบ้านเรา มีความเป็นไปได้ที่รถอาจจะไม่ถูกนำมาทำตลาด หรือต่อให้มาจริง ก็อาจจะต้องรอกันถึงปีหน้ากันเลยจึงจะได้ยลโฉมกัน
