Xiaomi YU7 รถอเนกประสงค์ไฟฟ้าจากแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เบอร์ต้นของโลก พร้อมวางจำหน่ายในประเทศจีนแล้ววันนี้ด้วยทางเลือก 3 รุ่นย่อย โดยมีการตั้งราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 253,500 หยวน หรือราวๆ 1,151,000 บาท

Xiaomi YU7 นับเป็นรถยนต์โมเดลที่ 2 ของแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เจ้าดังจากจีน โดยมันได้ถูกเผยภาพครั้งแรกเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นและจุดขายคือความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ไฟฟ้าขนาดกลาง ที่มาพร้อมกับลูกเล่นน่าสนใจมากมาย และงานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าคู่แข่งขึ้นมาอีกนิด
โดยในส่วนของงานออกแบบ หลักๆแล้ว มันก็จะอาศัยลายเส้นลักษณะเดียวกันกับตัวรถ Xiaomi SU7 แทบทุกระเบียดนิ่ว เพียงแต่จะมีการปรับรายละเอียดช่วงซุ้มล้อ, แนวหลังคา, และความหนาของชายล่างประตูใหม่ ให้สมกับความเป็นรถครอสโอเวอร์
ด้านมิติตัวรถ จากข้อมูลที่หลุดมาก่อนหน้านี้ ระบุว่า มันมาพร้อมกับตัวถังด้านยาว 4,999 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง 1,996 มิลลิเมตร, และด้านสูง 1,600 มิลลิเมตร กับระยะฐานล้ออีก 3,000 มิลลิเมตร รวมถึงมีความสูงใต้ท้องรถได้มากสุดในระดับ 222 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นระดับมาตรฐานที่รถอเนกประสงค์ควรทำได้ในปัจจุบัน

ภายในห้องโดยสาร ที่พึ่งมีการปล่อยภาพออกมาครั้งแรก ถูกดีไซน์ด้วยความมินิมอล ไร้ลูกเล่นที่ดูฉุดฉาดเกินไป และเน้นความสะอาดตาตามยุคสมัยมากกว่าแทน ไม่ว่าจะเป็นช่องแอร์แบบซ่อนที่กรอบกระจกด้านล่าง คอนโซลหน้าที่โค้งมน ไร้ปุ่มกดใดๆนอกจากโลโก้แบรนด์ทางมุมขวา จองกลางขนาด 16.1 นิ้ว ที่รวมเอาระบบสั่งการทุกอย่างไว้ด้านใน พวงมาลัยที่มีปุ่มเพียง 4 ปุ่ม คอนโซลกลางพร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และหลุมใส่แก้วน้ำแบบมีฐานที่สามารถกดลงไปเพื่อใช้งาน หรือกดอีกครั้งเพื่อยกฐานขึ้นมาปิดรูเอาไว้ให้ดูสะอาดตา
และด้วยความเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ มันจึงมีชุดหน้าจอ HyperVision ติดตั้งเอาไว้ที่ฐานกระจกหน้า ซึ่งทำให้มันมีขนาดที่ใหญ่ถึง 43.3 นิ้ว ไว้สำหรับแสดงผลความเร็วตัวรถ ระบบนำทาง และระบบอินโฟเทนเมนท์สำหรับฝั่งผู้โดยสาร
เบานั่งผู้ขับหุ้มด้วยหนังแนปป้าพร้อมฟังก์ชันในการปรับเอนนอนแบบ Zero Gravity และยังมีระบบนวด 10 จุด ส่วนเบาะหลังก็สามารถปรับองศาในการเอนนอนได้ตั้งแต่ 100 – 135 องศา เพื่อมอบความสบายสูงสุดให้กับผู้โดยสารทางด้านหลัง และยังมีลูกเล่นทั้ง ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน สามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้ในจอหลังที่วางแขนระหว่างเบาะแถวหน้า และยังมีจอระบบอินโฟเทนเมนท์ทางด้านหลังเบาะตอนหน้า แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่องลมแอร์แบบซ่อน ไม่ต่างจากของผู้โดยสารตอนหน้า
พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง สามารถเก็บของได้ด้วยพื้นที่ความจุ 678 ลิตร และหากผู้ใช้เลือกปรับพับเบาะแถวหลังทั้งหมด ก็จะเพิ่มความจุพื้นที่เก็บสัมภาระให้มากขึ้นอีก เป็น 1,758 ลิตร ซึ่งหากไม่พอ ตัวรถยังมีช่องเก็บของใต้ฝากระโปรงหน้าอีก 141 ลิตร
ขุมกำลังและขีดความสามารถของแบตเตอรี จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามทางเลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น Standard ใช้มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 320 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 528 นิวตันเมตร พร้อมความสามารถในการเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 5.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้แบตเตอรีขนาด 96.3 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 830 กิโลเมตร/ชาร์จ มาตรฐาน CLTC
- รุ่น Pro ใช้มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 แบบ All-Wheel Drive กำลังรวมสูงสุด 496 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 690 นิวตันเมตร พร้อมความสามารถในการเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้แบตเตอรีขนาด 96.3 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 770 กิโลเมตร/ชาร์จ มาตรฐาน CLTC
- รุ่น Max ใช้มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 แบบ All-Wheel Drive กำลังรวมสูงสุด 690 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 866 นิวตันเมตร พร้อมความสามารถในการเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 3.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 253 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้แบตเตอรีขนาด 101.7 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 770 กิโลเมตร/ชาร์จ มาตรฐาน CLTC
โดยแบตเตอรีของรถทุกรุ่นย่อย จะรองรับความสามารถในการชาร์จไฟ จาก 10% – 80% ภายในเวลา 12 นาที หรือ จะใช้เวลาในการชาร์จไฟ 15 นาที เพื่อการเดินทางราวๆ 620 กิโลเมตร ก็ได้
ระบบความปลอดภัยของตัวรถ จัดเต็มด้วยลูกเล่นต่างๆครบครัน โดยทำงานร่วมกับระบบเซนเซอร์ตรวจจับวัตถุ LiDAR Sensor, ระบบเซนเซอร์คลื่นสั้นสแกนวัตถุรอบคันแบบ 4 มิติ, กล้องความชัดสูง 11 ตำแหน่ง และเซนเซอร์คลื่นอัลตร้าโซนิคอีก 12 ตัว
ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Xiaomi YU7 จะเริ่มต้นที่ 253,500 หยวน หรือราวๆ 1,151,000 บาท ในรุ่น Standard และขยับขึ้นเป็น 279,900 หยวน หรือราวๆ 1,271,000 บาท สำหรับรุ่น Pro
ขณะที่รุ่นบนสุด Max ก็จะสนนราคาที่ 329,900 หยวน หรือราวๆ 1,498,000 บาท ซึ่งดูคุ้มค่ามากเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับลูกเล่นต่างๆที่ให้มา