Home » 2026 Toyota RAV4 ปรับโฉมใหญ่ เทคฯใหม่ ไลน์อัพครบ
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

2026 Toyota RAV4 ปรับโฉมใหญ่ เทคฯใหม่ ไลน์อัพครบ

Toyota RAV4 กลายเป็นอีกหนึ่งรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตลาดโลก และตอนนี้มันก็ได้ถูกปรับโฉมเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 6 แล้ว สำหรับตัวรถโมเดลปี 2026 ที่ทุกคนเห็นกันอยู่ในตอนนี้

2026 Toyota RAV4 มาพร้อมการปรับโฉมครั้งใหญ่ ใหม่หมดทั้งคัน โดยคราวนี้ ทาง Toyota ได้มีการปรับงานออกแบบใหม่ ให้ตัวรถดูมีเส้นสันที่ชัดเจนอย่างขึ้น ทั้งในส่วนของ ไฟหน้าแบบ Hammer Head แต่ใช้กรอบที่มีความเหลี่ยมกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆของแบรนด์ ขอบฝากระโปรงหน้าที่มีการปั้นไหล่ยกสูงขึ้นมาชัดเจน โป่งซุ้มล้อที่เสริมความสะดุดตาคิ้วซุ้มล้อกรอบเหลี่ยมให้เด่นชัดขึ้นยิ่งกว่า

เส้นไหล่ข้างตัวถัง ที่ตวัดขึ้นจากหัวจรดท้ายน้อยลง แต่ช่วยเพิ่มพื้นที่กระจกด้านข้างให้มากขึ้น โดยยังไม่ลืมที่จะใส่เส้นคาดตรงเสา D อันเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ แม้ว่าความลาดเอียงไปจรดแนวไฟท้ายแบบ LED ลักษณะกึ่งๆ Cross Tail Light ของมันจะดูน้อยลงก็ตามแต่ก็เข้าใจว่าเพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บของสัมภาระด้านหลัง

นอกนั้นในส่วนงานออกแบบกันชนหน้า กันชนท้าย จะมีความแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย นั่นคือ หากเป็นรุ่นพื้นฐาน “LIMITED” จะเน้นการออกแบบกันชนหน้าให้มีความทันสมัยใส่ความสปอร์ตเล็กน้อยเข้าไป ซึ่งหากไม่พอ ก็จะมีรุ่น “GR SPORT” ที่ได้รับกลิ่นอายงานตกแต่งแบบ GR Corolla และท้ายสุดคือรุ่นตอบโจทย์สายลุย “WOODLAND” ที่จะปรับหน้าตารถให้ดูแข็งแกร่ง บึกบึนมากยิ่งขึ้นแถมยังมีการติดตั้งราวหลังคาพร้อมยกสูงตัวรถขึ้นอีก 0.5 นิ้ว จากการใช้ยางแบบ All-Terratin มาจั้งแต่ออกโรงงาน

โดยหากมองไปที่มิติตัวรถต่างๆ เราจะพบว่าตัวรถรุ่นนี้มีขนาดตัวที่แทบจะเท่าเดิมกับโฉมก่อนหน้า ทั้งมิติด้านยาว 4,595 – 4,618 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อ 2,690 มิลลิเมตร เว้นเพียงความสูง ที่เพิ่มขึ้นจาก 1,687 มิลลิเมตร เป็น 1,722 มิลลิเมตร โดยที่ความกว้างตัวรถ ก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล้กน้อยเท่านั้น

ภายในห้องโดยสาร เน้นการออกแบบที่ทันสมัย ด้วยคอนโซลหน้าที่ดูเรียบง่าย แบ่งสัดส่วนกันชัดเจน ระหว่างแถบบน กลาง ล่าง โดยด้านบนจะเป็นที่ตั้งของจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ตามด้วยชุดจออินโฟเทนเมนท์ติดตั้งแบบกึ่งลอยตัวขนาด 10.5 นิ้ว และ12.9 นิ้ว ทำงานร่วมกับระบบเครื่องเสียงลำโพง 6 จุด หรือ JBL 9 จุด แล้วแต่รุ่นย่อย

แต่ทั้งหมดจะทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Arene แบบใหม่ล่าสุดของ Toyota ซึ่งช่วยให้ผู้ขี่มีประสบการณ์ในการใช้งานลูกเล่นต่างๆในหน้าจอที่ดีและทันสมัย ลื่นไหล และง่ายดายมากขึ้น รวมถึงระบบ ADAS เอง ก็ได้รับการอัพเกรดเป็นระบบ Toyota Safety Sense เวอร์ชัน 4.0 แล้วเป็นที่เรียบร้อย

ด้านปุ่มกดอื่นๆบนคอนโซล จะมีแค่เพียงปุ่มเปิดไฟฉุกเฉินที่อยู่ตรงกลางระหว่างช่องแอร์, ปุ่มควบคุมระบบประอากาศบางส่วนใต้จออินโฟเทนเมนท์ เพราะปุ่มหลักๆจะถูกผนวกไว้เป็นปุ่มดิจิตอลทางแถบล่างของหน้าจอ, และจะมีปุ่มปรับโหมดการขับขี่, ปุ่มปรับโหมดพวงมาลัย, กล้องรอบคัน, ระบบป้องกันล้อลื่นไถลและปุ่มช่วยคุมรถขณะลงทางชันอยู่ตรงกลาง

โดยที่ตัวคอนโซนกลางระหว่างผู้ขับและผู้โดยสาร จะเป็นที่ตั้งของช่องว่างแก้วน้ำขนาดใหญ่ 2 ช่อง กับแป้นสวิทช์ผลักคุมตำแหน่งเกียร์ด้วยระบบไฟฟ้า, ปุ่มเปิดเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Hold

เบาะนั่งภายในห้องโดยสาร จะถูกหุ้มด้วยวัสดุที่หลากหลาย แล้วแต่รุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็น ผ้า SofTex, หนัง Ultrasuede, หรือหนังกลับเดินตะเข็บด้ายสีแดงในรุ่น GR Sport

โดยแม้ตัวรถจะถือว่าเป็นเจเนอเรชันใหม่ แต่มันจะยังคงถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA-K ดังเดิม แล้วเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนรายละเอียดจุดยึดช่วงล่างต่างๆ ทั้งการย้ายตำแหน่งเล็กน้อย และเสริมความแข็งแรง เพื่อเสริมความมั่นคง และในขณะเดียวกันก็ช่วยลดกันสั่นสะเทือน รวมถึงเสียงรบกวนให้น้อยลง

และหากเป็นรุ่น GR Sport ก็จะได้รับการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ กับแร็คพวงมาลัยใหม่เพิ่มเติม เพื่อเสริมความสนุกสนานในการใช้งานขณะเข้าโค้งให้ดียิ่งขึ้น

ขุมกำลังตัวรถใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกันมอเตอร์ไฟฟ้าในลักษณะของระบบไฮบริด โดยจะมีให้ทั้งหมด 2 แบบ 3 ทางเลือก เริ่มจาก รุ่นขุมกำลัง HEV ที่มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 229 PS และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังสูงสุด 239 PS

ส่วนในรุ่น PHEV จะได้มอเตอร์ที่ให้กำลังสูงสุดมากขึ้น จนมีพละกำลังรวมที่ 324 PS ซึ่งหากเทียบกับรุ่นก่อน จะพบว่านอกจากพละกำลังที่มากขึ้น มันยังได้รับการปรับปรุงชุดเพลาขับ, ระบบควบคุมการจัดการพลังงาน, และแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า ซึ่งมากพอที่จะทำให้มันสามารถวิ่งในโหมดพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 80 กิโลเมตร/ชาร์จ

ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าเบื้องต้น ตัวรถจะยังคงมีแผนวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลักดังเดิม ส่วนในประเทศอื่นๆต้องรอติดตามดูกันต่อไป แต่ไม่ใช่ในไทยแน่นอน เพราะทาง Toyota Motor ประเทศไทย เลือกใช้ Toyota Fortuner เป็นตัวอุดตลาดอเนกประสงค์คลาสเดียวกับ RAV4 ไปแล้วนั่นเอง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.