“Performance” ถือเป็นจุดสูงสุดของไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ที่ใครหลายคนฝันหา และตอนนี้ มันก็ได้ลงมาจุติใหม่อีกครั้งกับ 2026 Tesla Model Y แล้วเป็นที่เรียบร้อย
2026 Tesla Model Y “Performance” รถซิ่งโดยกำเนิดออกจากโรงงาน พื้นฐานอเนกประสงค์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดของ Tesla ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมการปรับเปลี่ยน และปรับปรุงโครงสร้างในหลายๆจุด เพื่อให้มันสามารถมอบความสนุกและเร้าใจให้กับผู้ใช้งานได้มากขึ้นกว่าทั้งตัวรถรุ่นธรรมดา และตัวรถรุ่น Performance โฉมก่อนหน้าด้วย
เริ่มจากการปรับดีไซน์กันชนหน้าใหม่ โดยเน้นไปที่การขยายขนาดช่องรีดลมทางด้านข้างที่ใหญ่ขึ้น เพื่อการสร้างกำแพงลมหน้าซุ้มล้อที่มีประสิทธิภาพในย่านความเร็วสูงมากขึ้น, ปรับกรอบช่องดักลมด้านหน้าใหม่ ให้ดูยื่นออกมามากอย่างเดิมเล็กน้อย, เพิ่มความหนาของชิ้นพลาสติกกันกระแทกตามขอบตัวถังด้านล่างรถใหม่เพื่อทำให้รถดูเตี้ยลง
และกันชนท้ายก็มีการปรับงานออกแบบชิ้นงานพลาสติกกันกระแทกครึ่งล่างใหม่ ให้กลายเป็นดิฟฟิวเซอร์ที่ช่วยเพิ่มทั้งสมรรถนะตัวรถจากการรีดลมออกจากใต้ท้องรถเพื่อสร้างแรงกด รวมถึงช่วยเพิ่มความดุดันให้กับรถจากด้านหลังได้เป็นอย่างดี
จากนั้นก็จบงานออกแบบภายนอก ด้วยการใส่ชุดล้อ Arachnid 2.0 ขนาด 21 นิ้ว เข้าไป ซึ่งเข้ากับคาลิปเปอร์เบรกสีแดงได้เป็นอย่างดี, ติดตั้งสปอยเลอร์หลังงานคาร์บอนด้านที่ยื่นยาวกว่าเดิม, และแปะแบจด์รูป “วาร์ป” เอกลักษณ์ประจำรุ่นเข้าไปที่ประตูท้าย
ภายในห้องโดยสาร มีการปรับเปลี่ยนรูปทรงเบาะนั่งใหม่ ให้มีความสปอร์ตมากขึ้น เพื่อการโอบรับกระชับตัวผู้นั่งให้อยู่กับที่ขณะเข้าโค้งได้มั่นคงกว่าเดิม โดยแน่นอนว่ามันยังคงมีทั้งระบบทำความร้อน ทำความเย็น และระบบปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้ามาให้ครบครัน
นอกนั้นในส่วนคอนโซลหน้า จะมีการตกแต่งด้วยวัสดุงานคาร์บอนไฟเบอร์ โดยตรงกลาง เป็นที่ตั้งของชุดหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 16 นิ้ว ซึ่งถือว่าใหญ่กว่าของรุ่นปกติที่ใช้จอขนาด 15.4 นิ้ว และยังมีการปรับปรุงระบบเครื่องเสียงใหม่ โดยตอนนี้จะเป็นลำโพง 15 ดอก พร้อมซับวูฟเฟอร์มาให้แล้วตั้งแต่ออกโรงงาน ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

ด้านขุมกำลังตัวรถที่เป็นแบบมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ทางค่ายก็ยังคงไม่บอกตัวเลขกำลังสูงสุดใดๆออกมาอยู่ดี แต่หากอิงจากข้อมูลของสื่อในยุโรป ก็จะระบุว่าสำหรับตัวรถที่วางจำหน่ายในทวีปของพวกเขา จะมีกำลังรวมที่ราวๆ 466 PS และหากเป็นเวอร์ชันวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีพละกำลังสูงสุดมากขึ้นเป็น 517 PS
ส่วนตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถูกระบุว่าจะสามารถทำได้ภายในเวลา 3.5 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วกว่า Model Y Performance โฉมก่อนหน้าอยู่ 0.2 วินาที แต่ก็ยังถือว่าช้ากว่า Model 3 Performance เจเนอเรชันเดียวกัน อยู่ 0.4 วินาที เพราะมันมีน้ำหนักเบากว่า และบ่งบอกว่าทั้งสองรุ่นต่างใช้ขุมกำลังร่วมกัน ส่วนความเร็วสูงสุดก็ยังถูกจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ขณะที่แบตเตอรี่ ทางค่ายก็ยังไม่มีการบอกความจุเช่นกัน นอกจากการเปิดเผยว่าเซลล์แบตเตอรี่ที่อยู่ในรถคันนี้ จะมีทั้งความหนาแน่นเชิงพลังงานต่อน้ำหนักที่มากขึ้น และมีจำนวนเซลล์ที่มากขึ้นเช่นกัน ทำให้มันสามารถรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จ ที่ 580 กิโลเมตร (WLTP) ซึ่งน้อยกว่ารุ่น Long Range เพียง 6 กิโลเมตร และยังรองรับการชาร์จไฟด้วยโหมด DC สำหรับการวิ่งด้วยระยะทาง 243 กิโลเมตร ได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที
ในเมื่อขุมกำลังแรงขึ้น สิ่งที่ต้องอัพเกรดตามมา ก็คือโครงสร้างตัวรถและส่วนควบอื่นๆที่เกี่ยวของกับสมรรถนะ ซึ่งมีทั้ง การปรับซอฟท์แวร์ระบบขับเคลื่อนใหม่ เพื่อคุมการกระจายแรงบิดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะกับการขับซิ่งมากขึ้น, ปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ ทั้งตัวโช้คอัพ และจุดยึดต่างๆ ตามด้วยการใส่ระบบปรับโช้คไฟฟ้าเข้ามา พร้อมการออกแบบซอฟท์แวร์เป็นอย่างดีเพื่อการขับขี่ที่เฉียบคมกว่า
และท้ายสุดคือการเพิ่มโหมดการขับขี่ใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า “Insane” ซึ่งเราเองก็ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโหมดการขับขี่นี้มากนัก แต่คาดว่าน่าจะมีความ “บ้าคลั่ง” สมชื่อแน่นอน