หลังผ่านเวลาไป 2 ปี นับตั้งแต่ยุคติการทำตลาด Nissan Micra เจเนอเรชันที่ 5 ในยุโรปไป ล่าสุดทางค่ายก็ได้มีการเผยโฉมตัวรถเจเนอเรชันที่ 6 ออกมาพร้อมกลับสู่ตลาดที่ขาดหายไปอีกครั้งด้วยขุมกำลังพลังงานไฟฟ้า 100%

2026 Nissan Micra กลายเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่น ที่บ่งบอกว่าทาง Nissan ยังคงผูกพันธ์กับ Renault อย่างเหนียวแน่น เนื่องจากในคราวนี้มันได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Renault 5 ซึ่งเป็นรถแฮชท์แบ็คไฟฟ้าสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค จากแรงบันดาลใจของตัวแข่งแรลลี

แต่เพื่อให้มันมีความเป็นรถยนต์ของ Nissan มากขึ้น ทางค่ายจึงได้ทำการแจ่งหน้าทาปากรถใหม่ โดยเปลี่ยนรูปทรงกรอบไฟหน้าและไฟท้าย ให้กลายเป็นกรอบแหวนกลม ปรับเส้นไหล่ตัวถัง และเส้นโป่งซุ้มล้อใหม่ ให้เป็นเส้นโค้ง แม้เส้นแนวฝากระโปรงเอง ก็ยังดูกลมมนมากกว่า

เมื่อรวมกับการออกแบบกันชนหน้า และกันชนท้ายที่เน้นความกระชับเข้ารูป กับชิ้นพลาสติกชายล่างประตูที่สั้นลง กรอบกระจกหลังที่ตัดแนวรับกับทรงฝาท้าย พร้อมชุดล้อขอบ 18 นิ้วกับฝาครอบสุดโดดเด่นแล้ว ก็ยังทำให้ตัวรถดูน่ารักมากขึ้นไปอีก

ส่วนภายในห้องโดยสาร เข้าใจว่าอาจจะไม่ได้มีของให้เล่นมากนัก และเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน ทำให้ภายในของ Micra จะมีเส้นสาย และงานดีไซน์คอนโซลที่เหมือนกับ Renault 5 เกือบทุกประการ เว้นเพียงโลโก้บนพวงมาลัยที่เปลี่ยนเป็นโลโก้แบรนด์ Nissan และรายละเอียดของลายหนังหุ้มตามจุดต่างๆภายในห้องโดยสาร

ถึงกระนั้น มันก็ยังคงน่าใช้เพราะมาพร้อมกับชุดจอแสดงผลข้อมูลตัวรถ และจออินโฟเทนเมนท์ ขนาดจอละ 10.1 นิ้ว เชื่อมต่อกันเป็นแผงเดียว โดยที่ตัวจอระบบอินโฟเทนเมนท์จะหันหน้าเข้าหาผู้ขับเล็กน้อย เพื่อความง่ายในการดูข้อมูลแผนที่ และเพลงต่างๆ

และแม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปุ่มควบคุมลูกเล่นต่างๆที่จำพเป็นเช่น ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารยังคงมีมาให้ โดยจะตั้งแผงอยู่ใต้ช่องแอร์คู่กลาง และที่คอนโซลล่างจะมีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ปุ่มเปิดเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Hold รวมถึงการตกแต่งด้วยชุดไฟแวดล้อมที่สามารถปรับโทนสีได้ทั้งหมด 48 เฉด

ด้านมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี จะมีให้เลือก 2 ระดับด้วยกัน ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้าลูกเดียว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 40 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานต่อชาร์จสูงสุด 310 กิโลเมตร พร้อมระบุน้ำหนักสุทธิที่ 1,400 กิโลกรัม

และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าลูกเดียว ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 148 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 52 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานต่อชาร์จสูงสุด 408 กิโลเมตร พร้อมระบุน้ำหนักสุทธิที่ 1,524 กิโลกรัม

สุดท้ายคือเลขมิติตัวรถ มีการระบุตัวเลขคร่าวๆเอาไว้ว่า มันจะมีขนาดตัวที่ยาวไม่เกิน 4 เมตร กว้างไม่เกิน 1.8 เมตร และมีระยะฐานล้อยาวไม่เกิน 2.54 เมตร ซึ่งเป็นขนาดตัวที่ใหญ่กว่า Nissan March เจเนอเรชันที่ 4 ที่ขายในบ้านเราขึ้นมาอีกเล็กน้อย และมันยังได้ใช้ช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงค์ ซึ่งเมื่อรวมกับพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ใหญ่ขึ้นแล้ว ก็เท่ากับว่ามันจะกลายเป็นรถยนต์ที่น่าจะนั่งสบายขึ้นมากเลยทีเดียว