ด้วยตลาดรถ MPV ที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ KIA ในฐานะอีกหนึ่งผู้แข่งขันหลักจึงเลือกปรับไลน์อัพรถใหม่ด้วยการใส่รุ่นใหญ่ตัวจริงเข้ามาเสริมตลาดอีกครั้ง นั่นคือ Kia Carnival Hi Limousine ปี 2026

Kia Carnival Hi Limousine คือไลน์อัพขั้นสุดของรถยนต์ตระกูล Carnival โดยครั้งหนึ่งทางค่ายได้เคยทำมันออกมาขายเมื่อปลายปี 2020 และล่าสุดชื่อนี้ก็กลับมาอีกครั้งในฐานะรถปี 2026 โดยยังคงมาพร้อมกับจุดเด่นคือการติดตั้งฝาครอบหลังคาทรงสูงที่ดูเหมือนกล่องเก็บสัมภาระ แต่จริงๆแล้วมีไว้เพื่อเพิ่มพื้นที่เหนือศรีษะของห้องโดยสารตอนหลังให้ดูสูงโปร่ง และทำจากวัสดุโลหะขึ้นรูปอย่างดีเพื่อความแข็งแรง และการทำให้รูปทรงมีความลู่ลมได้ดี
นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังจัดเต็มด้วยทางเลือกเบาะนั่ง ว่าจะมีให้ซื้อทั้งแบบ 9 ที่นั่ง, 7 ที่นั่ง, หรือ 4 ที่นั่ง โดยแน่นอนว่าอย่างหลังสุด จะได้ความพรีเมียมเข้าไปแบบเต็มสุด ทั้ง เบาะนั่งแบบกัปตันซีท หุ้มด้วยหนังแนปป้าเจาะรู พร้อมระบบทำความร้อนและระบบระบายอากาศ, ระบบนวด, ระบบเอนนอน, รองน่องปรับไฟฟ้า, และยังมีระบบนวดน่อง กับช่องใส่รองเท้ามาให้อีก
ถ้าไม่พอ ห้องโดยสารตอนหลัง ยังมีหน้าจอติดแขวนกับหลังคาขนาด 21.5 นิ้ว ทำงานร่วมกับลำโพง Bose 12 จุด และมีหน้าจอบนคอนโซลกลางระหว่างเบาะนั่งขนาด 7 นิ้ว เป็นตัวคุมการทำงาน, มีแท่นไวร์เลสชาร์จ, โต๊ะพับได้, ที่แขวนเสื้อ, และตู้เย็น, เพิ่มความหนาของพรมพื้นห้องโดยสาร, เพิ่มระบบไฟแวดล้อมบนหลังคา ซึ่งสามารถเลือกปรับสี หรือให้เปิดค้างไว้แม้รถจะดับเครื่องยนต์ไปแล้วได้ด้วยแบบครบๆ
และเนื่องจากเป็นรถปี 2026 ดังนั้นมันจึงถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ KIA Carnival รุ่นปรับโฉม Minorchange ที่มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ Tiger Face และมีทางเลือกขุมกำลังไฮบริด เบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 245 แรงม้า PS ให้เลือกซื้อ หรือหากลูกค้าต้องการความแรงเต็มพิกัด ก็สามารถเลือกซื้อรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร กำลังสูงสุด 294 แรงม้า PS ได้อีก
ส่วนระบบกันสะเทือน เบื้องต้นทางค่ายระบุว่าพวกเขาได้ทำการปรับเซ็ททั้ง โช้คอัพใหม่, สปริงใหม่, และปรับความสูงท้ายรถลง ในรุ่น 4 ที่นั่ง เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลขณะใช้งาน และช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นถนนเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด
ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ 2026 Kia Carnival Hi Limousine จะสนนตัวเลขเริ่มต้นที่ 63,270,000 วอน หรือราวๆ 1.455 ล้านบาท และจะขยับขึ้นไปสูงสุดที่ 97,800,000 หรือราวๆ 2.45 ล้านบาท ในรุ่นบน ซึ่งก็คือรุ่น 4 ที่นั่ง ขุมกำลังไฮบริด
ทั้งนี้ เบื้องต้นทางค่ายดูเหมือนจะมีแผนวางจำหน่ายรถรุ่นนี้เฉพาะในประเทศเกาหลีก่อนเท่านั้น ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆอาจจะต้องรอเก็บข้อมูลความสนใจของเหล่าลูกค้าอีกที ว่าจะอินกับไอเดียความจัดเต็มระดับนี้ของรถหรือไม่