นอกจากอินโดนีเซีย ประเทศอินเดีย กลายเป็นอีกหนึ่งแห่งที่เหล่าผู้ผลิตนิยมทำตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กที่นั่น และ 2026 Hyundai Avenue คือน้องใหม่ที่พึ่งมีการเปิดตัวไปไม่นานในแดนโรตี

2026 Hyundai Venue คือรถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก(เกือบสุด) ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่สู่เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งมีความแตกต่างจากโฉมก่อนหน้าอย่างชัดเจน ทั้งจากเส้นสายรอบคันที่ดูมีความเป็นเหลี่ยมสันมากขึ้น ทั้งแนวไหล่ และกรอบซุ้มล้อ พร้อมเสริมความบึกบึนด้วยชายล่างงานพลาสติกดำด้าน

และยังมีการคาดหน้ารถด้วยแถบไฟ DRL ขนาดใหญ่ทางด้านบน โดยตัวกรอบไฟที่ว่านี้ จะมีการหักเส้นลงมารับกับแนวแถบไฟ DRL ที่โคมไฟหน้าแบบ Quad Beam ซึ่งจะขนาบข้างด้านนอกด้วยช่องดักลมที่ดูดุดัน และด้านในมีกระจังหน้ากรอบเหลี่ยม ส่วนด้านล่างมีชิ้นกันกระแทกทรงคางหมูสีเงินขนาดใหญ่ ที่ทางดีไซน์เนอร์จะใช้งานออกแบบลักษณะนี้กับกันชนท้ายด้วยเพื่อความสมดุล

นอกนั้นตัวรถยังแฝงความสปอร์ตเอาไว้อีกเล็กน้อย ด้วยแร็คทรงสูงบนหลังคาแบบลาดเอียงจากด้านหน้าลงไปด้านหลัง แล้วจบด้วยสปอยเลอร์ขนาดเล็ก กับชุดล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ซึ่งด้วยเส้นสายทั้งหมดนี้ จะทีให้รถมีความสูงมากกว่าเดิม 30 มิลลิเมตร, กว้างขึ้น 30 มิลลิเมตร, และมีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 20 มิลลิเมตร เป็น 2,520 มิลลิเมตร ทว่าความสูงรถยังคงเท่าเดิม ที่ 3,995 มิลลิเมตร

ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งใหม่ทั้งหมดด้วยคอนโซลหน้าแบบแบ่งชั้น 3 เลเยอร์ แต่เน้นคุมโทน ขาว น้ำเงิน และติดตั้งชุดจออินโฟเทนเมนท์กับเจอแสดงผลข้อมูลตัวรถ ขนาดจอละ 12.3 นิ้ว แบบ Curved Screen และมีแผงคุมระบบปรับอากาศทางด้านล่างพร้อมปุ่มกดแบบปกติเพื่อความง่ายดายในการใช้งาน และปรับดีไซน์พวงมาลัยใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น

เบาะนั่งจะถูกหุ้มด้วยหนังสีเดียวกับคอนโซล โดยรายละเอียดการปรับเปลี่ยนงานออกแบบเบาะหน้าไม่ได้มีการระบุไว้ ทว่าเบาะหลังมีการปรับองศาพนักหลังใหม่ เพิ่มม่านลดแสง และช่องแอร์หลังเข้าไป โดยทาง Hyundai ระบุว่า ด้วยระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ผู้โดยสารตอนหลังมีพื้นที่วางขามากขึ้น ซึ่งหมายความว่าตัวรถรุ่นนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มความสะดวกของสบายของผู้โดยสารตอนหลังมากเป็นพิเศษนั่นเอง

โดยแม้หน้าตารถจะเปลี่ยนไปทั้งหมด แต่ขุมกำลังภายในห้องเครื่องฯ ยังคงเป็น 3 บล็อคเดิมกับโฉมก่อนหน้า ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 83 PS, เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 120 PS, และเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 116 PS

ด้านระบบส่งกำลังจะมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา, เกียร์อัตโนมัติ Torque Converter, และเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งทั้งหมดจะทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ส่วนราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทาง Hyundai India ระบุว่าจะมีการประกาศตัวเลขอีกครั้งในวันที่ 4 พฤศจิกายน นี้ ขณะที่การวางจำหน่ายในประเทศไทยของเรา ยังคงดูจะริบหรี่ต่อไป เพราะ Hyundai Creta ก็น่าจะตอบโจทย์เหล่าผู้ใช้ในบ้านเรามากพอแล้ว