ขณะที่ 2026 Honda CR-V ซึ่งวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นต้องนำเข้าจากฐานการผลิตในไทย อีกหนึ่งโมเดลที่น่าสนใจอย่าง 2026 Honda Odyssey เอง ก็ต้องนำเข้าจากประเทศจีน ไปขายที่ญี่ปุ่นเช่นกัน
Honda Japan เผยโฉมรถ Honda Odyssey e:HEV รุ่นปี 2026 ซึ่งในครั้งนี้จะยังเป็นการวางจำหน่ายด้วยรถนำเข้าจากประเทศจีนทั้งคัน เพราะทางค่ายได้ตัดสินใจปิดไลน์ผลิตของรถยนต์รุ่นนี้ไปตั้งแต่ช่วงปี 2021 และตัดสินใจนำเข้าจากประเทศจีนมาตั้งแต่ปี 2023
และสำหรับตัวรถปีใหม่ล่าสุดนี้ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกเพียงแค่ทางเลือกเฉดสีใหม่เท่านั้น นั่นคือการเพิ่มรุ่น EX Black Edition ที่มาพร้อมกับตัวถังสีขาว Diamond Dust Pearl ซึ่งมีการเล่นแสงเงาจากเกล็ดมุกในเนื้อสีใหม่ ให้ดูแวววาว สะดุดตามากขึ้น แล้วจะตัดโทนเข้ม ด้วยกระจังหน้า ช่องดักลมด้านหน้า ฝาครอบกระจกมองข้าง ชุดล้อ สีดำ และยังซ้ำความเข้มด้วยเลนส์ครอบไฟท้ายสีรมดำอีกชุด
นอกนั้น การตกแต่งภายในห้องโดยสารต่างๆล้วนยังคงเดิม มีแค่เพียงการเพิ่มชุดม่านลดแสงที่กระจกบานข้างคู่หลังเข้ามาเป็นออพชันพื้นฐานในทุกรุ่นย่อยเท่านั้น จากเดิมที่เคยสงวนไว้ให้เป็นออพชันเสริมที่ลูกค้าต้องซื้อแยก
ขุมกำลังตัวรถ แน่นอนว่าจะเป็นขุมกำลัง e:HEV ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 184 PS และแรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ดังเดิม ไม่ได้มีการปรับจูนแรงบิดเพิ่มเป็น 335 นิวตันเมตร เหมือน Accord e:HEV / CR-V e:HEV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยใดๆ แม้รถ Odyssey e:HEV ต้องแบกรับน้ำหนักในห้องโดยสารมากกว่าก็ตาม
และจากการเปลี่ยนแปลงงานตกแต่งตัวรถในเรื่องเฉดสี กับการอัพเกรดลูกเล่นภายในห้องโดยสารใหม่อีกนิดหน่อย ก็ทำให้รถมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย จาก 5,086,400 เยน เป็น 5,450,500 เยน หรือราวๆ 1,023,000 บาท เป็น 1,096,000 บาท
ทั้งนี้ แม้ราคาข้างต้น จะอยู่ในเรทที่สูสีกับ Toyota Alphard แต่ด้วยการขาดออพชันสำคัญๆที่ลูกค้ารถเอ็มพีวีระดับพรีเมียมหลายคนมักช่างใจกัน อย่างเช่น ระบบปรับอากาศ 4 โซน, หลังคากระจก, พวงมาลัยพร้อมระบบอุ่นมือ, ระบบเบาะระบายอากาศ, ฯลฯ
จึงทำให้ Honda Odyssey e:HEV ยังอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะทำยอดขายได้ไม่เปรี้ยงปร้างนักดังเดิม โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าที่จองรถยนต์รุ่นใหม่ปี 2026 เพียง 1 คิวเท่านั้น และทำให้ลูกค้าที่ใช้งานรถเอ็มพีวีรุ่นรองกว่าอย่าง StepWGN เอง ก็ไม่เลือกที่จะกระเถิบขึ้นมาหาเจ้า Odyssey อยู่ดี และต้องเปลี่ยนใจไปหารถแบรนด์อื่นที่ดูคุ้มค่า ออพชันจัดเต็มกว่าแทน
