หลังโชว์ตัวแบบเซอร์ไพรซ์ในงาน Japan Mobility Show 2025 ล่าสุดทาง Honda Japan ก็ได้เผยข้อมูลอย่างเป็นทางการของ 2026 Honda CR-V ที่เตรียมจะขายจริงในบ้านเกิดของแบรนด์ปีหน้ากันสักที
ผ่านไป 3 ปี นับตั้งแต่การปรับโฉมครั้งใหญ่ ในที่สุด Honda CR-V ก็ได้เตรียมถูกนำไปทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งในปี 2026 โดยคราวนี้จะเป็นการนำรถจากโรงงานผลิตในประเทศไทย ไปวางจำหน่ายที่นั่น แต่จะมีทางเลือกเพียง 2 รุ่นย่อยเท่านั้นให้ลูกค้าแดนปลาดิบได้เลือกซื้อ นั่นคือตัวรถรุ่น e:HEV RS และ e:HEV RS Black Edition
ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วรถทั้งสองรุ่นก็จะมีหน้าตาที่ไม่ต่างจากบ้านเรา โดยในฝั่งรุ่น RS จะยังคงโดเด่นด้วยภาพลักษณ์ที่มีความสปอร์ตจ๋า จากการใช้ตัวถังสีเดียวกันแทบทั้งคัน ตั้งแต่ช่วงบนยันชายล่าง เหมือน CR-V e:HEV RS ที่ขายในประเทศไทยเวอร์ชันแรกปี 2023-2025
ส่วนตัวรถรุ่น CR-V e:HEV RS Black Edition ก็จะมีการปรับโทนสีชายล่างรอบคันให้เป็นสีดำเงา, ทำแร็คหลังคาด้านบนเป็นสีดำเงา, เพิ่มความเข้มของเฉดสีบนชุดล้ออัลลอยด์ ซึ่งก็เหมือนกับ CR-V e:HEV RS เวอร์ชันล่าสุดที่พึ่งมีการเปิดตัวในบ้านเราไปไม่นาน และมีหลังคาซันรูฟมาให้อีกชิ้น ซึ่งชิ้นนี้เดิมทีมีให้ CR-V e:HEV RS มาแต่แรกแล้ว
ในส่วนอุปกรณ์ภายใน หากเป็นตัวรถ CR-V e:HEV RS ตัวเริ่มต้น จะได้เจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว และจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขนาด 10.2 นิ้ว พร้อมลำโพง Bose จำนวน 12 ตำแหน่ง, ระบบไวร์เลสชาร์จ, ฝาท้ายไฟฟ้า, เบาะพร้อมระบบอุ่นร้อน, และระบบ Honda Sensing แบบดั้งเดิมพร้อมระบบ Lane Watch
ส่วนตัวรถรุ่นท็อปรหัส Black Edition จะได้รับการติดตั้งลูกเล่นเช่นระบบระบายอากาศที่ตัวเบาะโดยสาร, จอ Head Up Display, และมีระบบ Honda Sensing 360 ซึ่งเป็นลูกเล่นที่ถูกใส่มาให้แล้วใน CR-V รุ่นล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ด้านขุมกำลังของตัวรถ ทาง Honda Japan ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลโดยละเอียดออกมา แต่ก็คาดว่าจะยังคง เป็นแบบ e:HEV ที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งให้พละกำลังในการขับเคลื่อนสูงสุด 184 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร ส่งกำลังผา่นชุดเกียร์ eCVT โดยจะมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD และ ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า FWD
และนอกจากงานแต่งแต่งตัวรถแบบเดิมๆ ทางค่ายยังเสริมชุดแต่งติดแกลมให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ อีก 2 แบบ ได้แก่ ชุดแต่ง “Tough Premium” ที่จะมีให้เลือกซื้อเฉพาะในรุ่นท็อป Black Edition ที่จะได้ชิ้นส่วนตกแต่งเพิ่มอย่าง ชุดเสริมชายล่างกันชนหน้าและด้านข้าง สีเงินเมทัลลิค, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา, และโลโก้รถรอบคันที่ถูกทำเป็นสีดำ
ส่วนตัวรถรุ่นรอง ก็จะมีทางเลือกชุดแต่ง “Urban Premium” ซึ่งก็จะมีรายละเอียดชิ้นส่วนตกแต่งที่ไม่ต่างจากชุดก่อนหน้า แต่จะปรับโทนความสว่างของเฉดสีให้น้อยลง เพื่อให้เข้ากับเฉดสีตัวถังที่ไม่ได้มีการตัดอารมณ์ทูโทนใดๆ
ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Honda CR-V e:HEV รุ่นใหม่ปี 2026 ที่มีการวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น จะเปิดตัวเลขเริ่มต้นเพียง 5,122,700 เยน หรือราวๆ 1,052,000 บาท เท่านั้น ซึ่งนั่นถือเป็นราคาที่ถูกกว่าบ้านเราพอสมควร โดยไม่มีใครสามารถระบุได้เลยว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น แม้ว่ารถจะต้องถูกนำเข้าจากไทยไปขายก็ตาม
