หากพูดถึงรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่พลังไฟฟ้าล้วนที่น่าสนใจและโดดเด่นไม่แพ้ใคร หลายคนคงนึกถึงรถ GMC Hummer EV ที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2019 ซึ่งตอนนี้มันก็ได้รับการปรับโฉมอัพเดทอีกครั้งด้วยการปรับออพชันใหม่ พร้อมอัพเกรดขุมกำลังให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย

2026 GMC Hummer EV ยังคงมาพร้อมกับงานออกแบบภายนอกที่ไม่หนีไปจากตัวรถรุ่นดั้งเดิมซึ่งถูกเปิดตัวออกมาเมื่อปี 2019 เพราะมีเพียงแค่ทางเลือกเฉดสีภายนอกใหม่ อย่างสี Coastal Dine และ Auburn Matte เท่านั้น และในขณะเดียวกันเฉดสีภายใน ก็มีการปรับโทนใหม่ เป็นสี Granite Drift และ Stealth Eclipse ให้เลือกซื้อ

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างแท้จริง คือการอัพเดรออพชันต่างๆเข้าไปเื่พอให้มันเป็นตัวรถที่มีลูกเล่นเพียบพร้อมในทุกสถานการณ์มากขึ้น เช่นหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 13.4 นิ้วตรงกลาง ที่สามารถแบ่งครึ่งการแสดงผลบนหน้าจอ เพื่อให้ผู้ขี่สามารถเลือกเอาข้อมูลสำคัญๆมาวางไว้ในตำแหน่งที่ตนเองดูได้สะดวกได้ง่ายขึ้น ตามด้วยกันอัพเดทระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง อย่าง ระบบ Super Cruise ให้ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยมากขึ้น

และสุดท้าย คือการอัพเดทระบบ King Cab เข้าไปให้กับตัวรถทุกรุ่นย่อย โดยจะอัพเดทฟังก์ชันผ่านระบบ OTA ตั้งแต่ช่วงสิ้นปีนี้เป็นต้นไป โดยตัวระบบที่ว่านี้ ก็จะถูกอัพเกรดให้สามารถสั่งการล้อหลัง สามารถหักเลี้ยวได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อการควบคุมตัวรถในที่แคบ หรือขณะฝ่าฟันอุปสรรคในป่าเขาได้คล่องตัวกว่าเดิม

นอกนั้นยังมีการปรับปรุงในเรื่องการทำงานของช่วงล่าง โดยเน้นการเซ็ทความหนืดของโช้กใหม่ ให้ตัวรถมีความมั่นคงขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงมากขึ้น และมีการเพิ่มระบบ V2L เข้ามา ทำให้รถสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้ และแรงพอที่จะสามารถเลี้ยงระบบไฟบ้านที่จำเป็นได้หากเกิดกรณีไฟดับเลยทีเดียว

ในส่วนระบบขับเคลื่อนและขุมกำลัง ยังได้รับการปรับเซ็ททั้งตัวฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ทำให้ตอนนี้พละกำลังสูงสุดของมันโดยเฉพาะในรุ่นตัวถังกระบะ เพิ่มขึ้น จาก 1,014 แรงม้า PS เป็น 1,176 PS ขณะที่แรงบิดสูงสุดก็มีตัวเลขที่มากถึง 17,625 นิวตันเมตร และทำให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 2.8 วินาที จากน้ำหนักตัวรถที่มาถึง 4,500 กว่า กิโลกรัม

และเพื่อความโดดเด่นของตัวรถที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น ทาง GMC จึงได้มีการเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษ Carbon Fiber Edition เข้ามา โดยจะเน้นไปที่การตกแต่งตัวรถด้วยชุดล้อคาร์บอนไฟเบอร์ขนาด 22 นิ้ว, กรอบกระจกมองข้างคาร์บอนไฟเบอร์, แผ่นกันกระแทกคาร์บอนไฟเบอร์, โลโก้รอบคันทำสีดำบนตัวถังสี Magnus Gray

ส่วนภายในของตัวรถรุ่นนี้ ก็จะปรับไปใช้โทนสี Velocity Ember และตกแต่งด้วยชิ้นงานคาร์บอนตามจุดอื่นๆอีกนิดหน่อย และทางค่ายก็ยังไม่ได้มีการปล่อยข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหนักตัวรถออกมาอยู่ดีว่าแพ็คเกจทั้งหมดนี้ จะช่วยลดน้ำหนักตัวรถลงไปได้มากน้อยแค่ไหน

โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และกำหนดการขายจริงของตัวรถรุ่นนี้ จะมีการเปิดเผยข้อมูลอีกครั้งในช่วงหน้าร้อนของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือก็คือในช่วงไตรมาสสามของปีนี้นั่นเอง